ดูแบบคำตอบเดียว
  #9  
เก่า 06-08-2009, 18:37
ทาริกา's Avatar
ทาริกา ทาริกา is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Feb 2009
สถานที่: ประชาชื่น
ข้อความ: 99
ได้ให้อนุโมทนา: 23,087
ได้รับอนุโมทนา 46,825 ครั้ง ใน 1,661 โพสต์
ทาริกา is on a distinguished road
Default

แล้วทหารเสือทั้งหลายก็เต็มอิ่มในอาหารบุญในบ้านใหญ่ พากันลาสิกขาจากไปสู้ชีวิตของตนที่ต้องพิสูจน์สู้ให้เจนใจ ไตรรงค์ ชโลทัย สมศักดิ์ไปก่อน.. พอหลวงตาบวช ทรงฤทธิ์ก็ลาสิกขาพร้อมกับถวายบาตรอย่างดีที่ตนเองใช้มา ๖ พรรษาให้หลวงตาเปลี่ยนใช้มาจนทุกวันนี้

หลวงพี่นันต์ก็ยังสถิตติดภาพชีวิตวัดท่าซุงตามสบายแบบของท่าน คือไม่เคยว่างเว้นจากการงานในภาระหน้าที่มอบหมาย แต่เสร็จแล้วก็ซ่อนกายซ่อนวาจาอยู่ในกิจวัตรชีวิตบ้านใหญ่นั้นตามเดิม

ต่อมา เมื่อหลวงตาบวชแล้ว เออ!..ลืมเล่าไปเลยลูกเอ๋ย.. ผู้ก่อการร้ายไม่ได้เข้าวัด ไม่มีเหตุร้ายสาหัสใด ๆ เกิดขึ้น แต่ทุกองค์ทุกคนได้แสดงออกได้เพิ่มบารมีให้ตนเองจากเหตุการณ์พระไตรลักษณ์ ที่ส่งข้อสอบมอบคะแนนสะสมบุญบารมีให้ ว่าเมื่อถึงคราวคับขันมีภัยที่คนธรรมดาต้องหลีกลี้หนีการเสี่ยงภัย พวกเราเหล่านักรบกองทัพธรรมนี้ ได้แสดงให้ตนเองรู้จักว่าใจตัวขณะนั้น มันแค่ไหน..

ลูกหลานเอย.. บ้านใหญ่ วัดท่าซุงนี้ เมื่อปี ๒๕๑๕.. ๑๖.. ๑๗ ยังคับแคบและรกชัฏ มีอยู่เฉพาะฝั่งแม่น้ำตรงข้ามอุโบสถ เนื้อที่เพียงไม่ถึง ๒๐ ไร่ เมื่อพ่อมาอยู่ มาบูรณะสร้างเสริมวัด จึงได้ซื้อที่ดินฝั่งอุโบสถปัจจุบันอีก ๖ ไร่ เป็นป่าไผ่ต้นไม้ไม่มีประโยชน์ พื้นที่ลึกเป็นบ่อหลุม ซื้อเพื่อสร้างโบสถ์ใหม่แทนโบสถ์เก่าที่พี่นันต์เล่าตามประวัติ ..ตอนนี้เองที่กลุ่มลูกหัวปีหัวแก้วหัวแหวนเข้ามาถวายชีวิตรับใช้สนองงานพ่อ

หลวงตาบวชปี ๒๕๒๕ แต่เริ่มเข้าวัดปี ๒๕๑๗ ซึ่งพ่อสร้างโบสถ์ใหม่ใกล้เสร็จแล้ว ไม่ได้มีบุญเห็นภาพชีวิตบ้านใหญ่ตอนก่อนนั้น แต่ก็ได้ไต่ถาม ฟังพี่ ๆ เล่าขานจนได้รู้ประจักษ์เต็มใจ ร่วมกับที่มาประสบพบเห็นในสมัยหลวงตาเองก็ได้ภาพชีวิตธรรมชาติตามเป็นจริงมาเล่าให้ลูกหลานรุ่นปัจจุบันได้รู้เห็น

เห็นภาพหลวงพี่นันต์ หลวงพี่โอ หลวงพี่ทีป หลวงตาเริญ เดินข้ามถนนจากฝั่งแม่น้ำตรงข้ามโบสถ์ แดดร้อนขนาดหนังลอก พระก็จะใส่เสื้อแขนยาวตัดเย็บจากจีวรเก่า สวมหมวกปีกกว้าง พาดมีดเหรียญสำหรับถางป่าพาดบ่าเดินข้ามถนนเพื่อถางต้นไผ่ต้นไม้ออกแล้วถมดินปรับพื้นที่ ๖ ไร่ สร้างโบสถ์ ฉันข้าว.. เสร็จก็ทำงาน พักกลางวันแล้วก็ทำอีก ..จนถึงเวลาเย็นก็แบกมีดถือเครื่องมือเดินกลับเพื่อสรงน้ำ แต่งตัวทำวัตรปฏิบัติกรรมฐาน เป็นอยู่อย่างนี้มาตามเหตุตามกาลเวลา ก่อนจะมาถึงปัจจุบันวันนี้

เมื่อหลวงตาเข้าวัดท่าซุงครั้งแรกในปี ๒๕๑๗ ก็ยังเห็นภาพหลวงพี่นันต์ หลวงพี่โอ หลวงพี่ทีป ใส่เสื้อแขนยาวตัดเย็บด้วยจีวร เดินเก็บกวาด ทาสี และแบกหามวัสดุต่าง ๆ อยู่เจนสายตา เวลาพ่อเดินทางมาบ้านซอยสายลมเพื่อสอนกรรมฐานเจริญศรัทธาการบำเพ็ญกุศล ก็เห็นหลวงพี่นันต์ หลวงพี่โอ หลวงพี่ทีป และองค์อื่น ๆ ที่บวชใหม่แปลกหน้า เข้าเวรกันมาช่วยสนองงานพ่อคราวละ ๓ องค์อยู่เป็นประจำทุกเดือน หลวงตาก็จะเข้าไปหา เข้าไปพูดคุยถามไถ่ไต่สวนถึงการบวช การครองชีวิตพระ เพื่อจะเฟ้นหาพี่เลี้ยงเผื่อเวลาได้บวช จะได้มีที่ยึดถือพึ่งพารองจากพ่อ

แม้ตอนนั้น..
หลวงพี่นันต์ก็ยังไม่เข้ามาในใจหลวงตา ลูกเอ๋ย..

เมื่อถึงปี ๒๕๑๘.. ๑๙.. ๒๐.. สามปีซ้อนที่พ่อจัดงานฉลองโบสถ์ฉลองวัดเป็นงานประจำปี แม้มีพระสุปฏิปันโนมาในงานวัดถึงปีละ ๑๐ องค์ ซึ่งจะต้องมีการจัดงาน แบ่งงาน.. ร่วมงานกัน.. เตรียมงาน.. ทำงานและเก็บงานสำคัญ ซึ่งในหลวงเสด็จถึง ๒ ปีนั้น

หลวงพี่นันต์ก็ยังไม่แสดงตัว เจิดจ้าอ่าองค์ เพราะพระรูปงามนามเพราะ บุคลิกดีมาก ๆ องค์นั้น ยังเต็มตาบังใจหลวงตาอยู่

ลูกหลานเอย.. เขียนมาคงพอต้นฉบับ ‘เสียงจากถ้ำ’ แล้ว ฉบับหน้าค่อยอ่านต่อ รอหน่อย..

.....................จบตอนที่ ๑...............

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทาริกา : 06-08-2009 เมื่อ 18:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 84 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ทาริกา ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา