ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 03-02-2012, 11:04
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

หลวงปู่เป็นคนปฏิบัติหลวงปู่มั่นจนกระทั่งว่าการบิณฑบาต ตอนเวลาเย็นขนาดนี้ท่านก็เดินจงกรม เมื่อท่านเดินจงกรมเสร็จก็ขึ้นไปบนศาลา ฉันน้ำร้อนน้ำชาเสร็จ ท่านก็ให้โอวาทแก่พระภิกษุสามเณร ซึ่งอยู่ในสำนักนั้นประมาณ ๔๐ หรือ ๕๐ รูป ส่วนครูบาอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่ก็มี ท่านอาจารย์เทสก์ เทสรํสี ท่านอาจารย์ฝั้น อาจาโร ท่านพระอาจารย์อ่อน และท่านพระอาจารย์กงมา พอกลางคืนก็ไปนวดให้ท่าน

วันหนึ่งก็มีญาติโยมเขามาอาราธนาท่านว่า การบิณฑบาตนั้นไม่ต้องเข้าไปถึงในเมือง ให้อยู่นอกวัดประมาณสัก ๑๐ เส้น แล้วผู้ที่จะมาใส่บาตรนั้น ก็มีพวกคุณแม่นุ่ม แม่นิล คุณวิศิษฎ์ คุณวิเศษ และกลุ่มลูกหลานที่เขาสร้างวัดมาใส่บาตร หลวงปู่ก็สะพายบาตรให้ พอไปรับบาตรถึงจะเอาใส่มือท่าน และก็ไม่ไกลจากที่รับบาตรขนาดนอกวัด เพราะตอนนั้น อายุท่านประมาณ ๗๐ แล้ว แต่ยังแข็งแรง

มีแปลกอยู่วันหนึ่ง ท่านเดินจงกรมตั้งแต่ประมาณตี ๕ จนกระทั่งถึงหนึ่งโมง หลวงปู่ก็ไปอาราธนาท่าน เตรียมบาตรเตรียมอะไรเสร็จแล้ว ไปอาราธนาท่านให้ออกบิณฑบาต ท่านก็บอกว่า “เขายังไม่มา เมื่อคืนนี้เขาไปดูหนัง แล้วมันนอนตื่นสาย มันนึ่งข้าวยังไม่สุก”

พอประมาณสักโมงครึ่งท่านก็บอกว่า “เอ้า..ไปหละ” หลวงปู่ก็สะพายบาตรเดินตามหลังไป พอไปถึงที่ ๆ เคยรับบาตร เขามักจะนั่งรถสามล้อสีแดงมา ทีนี้พอเขามาถึง เขาก็นั่งรถสามล้อคันสีแดงนั้นมา มาแล้วเข้าแถวแล้ว ก็เอาบาตรถวายท่าน ท่านก็รับบาตร เมื่อรับบาตรเสร็จ หลวงปู่ก็รับเอาบาตรจากท่านมาสะพาย ทั้งบาตรตนเองด้วย

ทีนี้พอกลับมา ก็มีโยมผู้มีศรัทธาไม่ทราบว่าใคร เอาผ้าไหมชนิดอย่างดีเรียกว่า หูกหนึ่ง คือยาวตัดจีวรได้สัก ๒ ตัวโน่นแหละ พอท่านชักบังสุกุลเสร็จแล้ว เราก็รับจากท่านเอาไปเก็บไว้ก่อน ก็ขึ้นบนศาลาหอฉัน แล้วก็จัดอาหารลงบาตร ในขณะนั้น หลวงปู่ได้สังเกต ท่านเอาอาหารอะไรบ้างลงไปในบาตร เอามากเอาน้อยเท่าไหร่

แล้วทีนี้ก็นั่งดูอยู่ ๓ วันก็จำได้ พอวันที่ ๔ ก็จัดอาหารลงบาตรท่านได้ เมื่อท่านฉันเสร็จแล้วก็เหลือนิดหน่อย เราก็เอาบาตรท่านไปล้าง ไปเช็ด ไปผึ่งให้ดีตามปกติที่ท่านเคยทำเอง ทีนี้ส่วนครูบาอาจารย์ผู้หลักผู้ใหญ่ เช่น พระอาจารย์ฝั้น ท่านพระอาจารย์เทสก์ เป็นต้น พอฉันเสร็จแล้วท่านก็บอกว่า “เอ๋..มหานี้ มีคาถาดีอย่างไร หลวงปู่ท่านถึงไม่ดุ พวกผมไปรับบาตรท่านไม่ได้ มีแต่ท่านดุ แล้วก็มหาองค์เดียวนี้แหละ ที่จัดบาตรท่านได้ หลวงปู่ก็เกิดปีติคือความดีใจ ว่าเราได้ปฏิบัติพระผู้เฒ่าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในขณะนั้นอายุท่านก็ประมาณ ๗๐ ปีเศษแล้ว

เมื่อเสร็จจากนั้นก็ไปคุยกัน มีพระมหาน้อย พระมหาปิ่น ซึ่งไปเป็นครูด้วยกัน ชวนกันว่า ไปขอผ้าไหมของท่านไปตัดเสื้อกางเกงซะ ว่างั้น พวกเราก็อยู่ในพรรษา ๘ พรรษา ๙ คิดอยากจะสึกกัน ที่นี้พอประมาณสักเที่ยง ท่านก็เรียกครูบาอาจารย์ผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ในวัดนั้นไป แล้วก็เอาผ้านั้นไปตัดเป็นผ้าสบงหมด แล้วก็ไปย้อมกรัก เสร็จเรียบร้อยเอาไปถวายเณรหมด พระไม่ให้ เพราะเกี่ยวกับว่าเราคงมาคุยกันว่า เราจะไปขอผ้ามาตัดเสื้อกางเกง ท่านคงจะรู้ นี้เป็นการนึกเอา

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-02-2012 เมื่อ 12:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา