ดูแบบคำตอบเดียว
  #40  
เก่า 18-04-2012, 10:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,634
ได้ให้อนุโมทนา: 151,878
ได้รับอนุโมทนา 4,415,021 ครั้ง ใน 34,224 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างที่อาตมาเคยพูดว่าให้ทำตัวเป็นผู้ใหม่อยู่เสมอ คือต้องรู้จักเกรงใจกัน อย่างที่สมัยก่อนเขาบอกว่า ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี เด็กรุ่นหลัง ๆ ไม่ได้ศึกษาสมบัติผู้ดีแล้ว รุ่นอาตมานี่เวลาผู้ใหญ่ด่า ท่านด่าเจ็บมากเลย แต่เราสมัยนี้ฟังอาจจะเฉย ๆ เขาด่าว่า "ไปเอาสมบัติผู้ดีมาต้มกินบ้างนะ" เพราะว่าหนังสือสมบัติผู้ดีสมัยก่อนนี้เขาจะระบุว่า ทำตัวอย่างไรถึงจะเหมาะสมกับกาลเทศะของสังคมในช่วงนั้น แบ่งออกเป็น ๑๐ ตอนด้วยกัน อาตมายังจำได้แม่นอยู่ว่า

"สมบัติผู้ดีมีข้อ กล่าวย่อพอยกหยิบอ้าง ภาคหนึ่งระวังท่าทาง รู้วางไว้ตัวชั่วดี ภาคสองสำรวมนิสัย มิให้เสื่อมเสียราศี ภาคสามน้อมกายวจี ท่วงทีคารวะผู้ควร ภาคสี่มีกริยา วาจาน่ารักเสสรวล ภาคห้ากว้างขวางทางชวน ชักมวลหมู่เพื่อนนิยม ฯลฯ" เป็นต้น

ถ้าเราไปศึกษาจะเห็นว่าในแต่ละด้านต้องปฏิบัติตัวอย่างไร รวมแล้ว ๑๐ ด้านด้วยกัน แล้วท่านผู้รู้ก็ประพันธ์เป็นโคลงเป็นกลอนไว้ จะได้จำง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น..เวลารุ่นอาตมาโดนด่าว่า "ให้ไปเอาสมบัติผู้ดีต้มกินบ้าง" นี่อายหัวหูแดงหมด ก็แปลว่าเขาด่ายันพ่อยันแม่ ยันครูบาอาจารย์เลยว่าไม่ได้อบรมเรามา สมัยนี้ด่าเด็กไม่รู้จักสมบัติผู้ดี เด็กก็นั่งหัวเราะกัน

สมัยที่เรียนหนังสือชั้นมัธยมอยู่ มีท่านอาจารย์สง่า เดชารัตน์ เวลาด่าเด็กแรงมาก คำด่าของอาจารย์ก็คือ “น่าอายมาก” คราวนี้เด็กหน้าด้านไม่อายขึ้นมา แล้วท่านอาจารย์จะทำอย่างไรได้ ? ก็ต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2012 เมื่อ 13:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา