ดูแบบคำตอบเดียว
  #16  
เก่า 29-10-2010, 09:34
คนเก่า's Avatar
คนเก่า คนเก่า is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
สถานที่: ชมพูทวีป
ข้อความ: 189
ได้ให้อนุโมทนา: 21,727
ได้รับอนุโมทนา 55,280 ครั้ง ใน 1,402 โพสต์
คนเก่า is on a distinguished road
Default

....อีกเหตุการณ์สำคัญที่ควรกล่าวไว้เป็นตัวอย่าง ซ้ำควรเผยแพร่ให้คนไทยทุกคนได้รับรู้และจำให้แม่น คือเหตุการณ์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ครั้งเพิ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ พม่าสบช่องเห็นว่าเมืองไทยยังชอกช้ำจากภาวะศึกสงครามมาโดยตลอดตั้งแต่เสียกรุง ครั้นมีข่าวผลัดแผ่นดินเปลี่ยนราชวงศ์อีก ก็คาดว่าจะเกิดความระส่ำระสาย จึงระดมทุ่มเทสรรพกำลัง รวบรวมทหารได้กว่าแสนจัดเป็นเก้าทัพ เคลื่อนกำลังเข้ารุกรานโจมตีอย่างมุ่งหวังจะบดขยี้ ลบชาติไทยออกจากแผ่นดิน

พระเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้ารัชกาล ๑ และกรมพระราชวังบวรฯโปรดเกล้าฯให้ระดมพลเตรียมรับศึกครั้งใหญ่ที่สุดอันจะเป็นเครื่องชี้ขาดตัดสินชะตากรรมของอารยธรรมไทย เหล่าทหารหาญร้อยพ่อพันแม่จากทั่วราชอาณาจักรขณะประชุมทัพรอเวลาเคลื่อนกำลัง ต่างก็มีความฮึกเหิมสมเป็นลูกหลานไทย พากันประลองกำลัง ลองของกันอย่างศิษย์มีครู พัฒนากลับกลายเป็นการลองดี คุยทับกันว่าอาจารย์ของตน วิชาของตนเหนือกว่าของผู้อื่น ตีกันนัว รวนเรไปทั้งกองทัพ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและกรมพระราชวังบวรฯ จึงโปรดเกล้าฯให้ริบเครื่องรางของขลังทั้งปวงนั้นมาจำเริญเสียโดยไฟ แล้วโปรดเกล้าฯเสด็จไปทรงประกอบพระราชพิธีพุทธาภิเษกฯ ผ้ายันต์อุณาโลมด้วยพระองค์เอง แจกจ่ายให้เหล่าทหารบูชาคาดศีรษะไว้เหมือน ๆ กันทุกนาย นอกจากจะเป็นของดีที่เหล่าทหาร(ต้องเอาไปลองแน่ ๆ มิฉะนั้นไม่ตีกันแต่แรกหรอก)ศรัทธามั่นใจในพุทธานุภาพ สามารถให้ความคุ้มครองเป็นที่ประจักษ์ ยังขวัญและกำลังใจให้ฮึกเหิมเข้มแข็งในการศึก มีความสำนึกเป็นหนึ่งเดียวในความเป็นลูกและเป็นศิษย์ของพระอาจารย์ใหญ่สำนักเดียวกัน คือองค์พ่อหลวงจอมทัพไทย และยังกลายเป็นทั้งสัญลักษณ์เครื่องแบบบอกความเป็นทหารไทยในราชการสงครามเก้าทัพ เป็นสัญลักษณ์แห่งสามัคคีธรรมในกองทัพที่เหล่าลูกหลานไทยทุกผู้ทุกนามต้องร่วมกันสู้ ร่วมกันสละทั้งเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อและน้ำตา โดยเหล่าทหารต้องสละตนเอง ผู้อยู่แนวหลังต้องสละผู้เป็นที่รัก บิดา สามี พี่น้อง และลูกหลานสุดที่รัก เพื่อรักษาไว้ซึ่งชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์อันผนึกรวมเป็นไทยให้คงอยู่สืบไป

ยันต์อุณาโลมก็คืออักขระตัวอุกลับหัว โดยที่ความหมายของคำว่าอุณาโลมคือหนึ่งใน ๓๒ มหาปุริสลักษณะแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนั้นยันต์อุณาโลมก็คือสัญลักษณ์แทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

ในขณะเสด็จนำทัพด้วยพระองค์เองเข้าสู่สมรภูมิ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ ได้ทรงพระราชนิพนธ์นิราศท่าดินแดงปรารภพระราชปณิธานในพระราชหฤทัย ตอนหนึ่งว่า

...ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
ป้องกันขอบขันธสีมา
รักษาประชาชนและมนตรี...


ความพากเพียร เสียสละ เหนื่อยยากตรากตรำทั้งหลายทั้งปวงตลอดพระชนม์ชีพด้วยพระราชกิจการศึกสงครามเพื่อความอยู่รอดของแผ่นดินอย่างแทบไม่เคยได้ทรงเกษมสำราญประทับอยู่กับที่อย่างสุขสงบ ได้สรุปลงให้ปวงชนชาวไทยได้รับรู้ด้วยพระราชนิพนธ์บทนี้เอง

และด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมภายใต้พระพุทธานุภาพอันเป็นอัปปมาโณ หาประมาณมิได้ ทั้งด้วยสามัคคีธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเหล่าทหาร วีรชนบรรพบุรุษไทยผู้กล้า กองทัพกำลังพลนับแสนของพม่าก็ปลาตแตกพ่ายไปสิ้น มิสามารถรุกล้ำกล้ำกรายลึกเข้ามาในเขตขอบขัณฑสีมา สมดังพระราชปณิธานอันมุ่งมั่น เป็นอีกครั้งที่พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าของปวงชนชาวไทยได้ทรงแสดงพระบรมเดชานุภาพเป็นล้นพ้นกอปรด้วยกฤษฎาภินิหาร พิทักษ์ปกป้องแผ่นดินไทยนี้ไว้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างชัดแจ้งเป็นที่ประจักษ์เยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์ธรรมิกราช สมดังที่ได้รับการถวายเฉลิมพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

เป็นอีกครั้งสำคัญที่ชาติไทยอยู่รอดปลอดภัยด้วยสามประสานอย่างชัดเจนที่สุด คือ ชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่าให้คนทุจริตคิดคดเนรคุณต่อชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์ คนใดปิดบังบิดเบือนความจริงนี้ไปจากประวัติศาสตร์ชาติไทยได้เป็นอันขาด

ครั้นทรงมีชัยชนะในราชการศึกสงครามเป็นเด็ดขาดแล้ว ได้โปรดเกล้าฯให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นอีกครั้ง ณ พระอุโบสถวัดพระแก้ว และโปรดเกล้าฯให้ใช้ดวงตราอุณาโลมเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์ตลอดรัชกาล ดวงตราอุณาโลมยังถูกสืบทอดรักษาไว้เป็นตราหน้าหมวกของเครื่องแบบทหารบกอย่างภาคภูมิจนกระทั่งทุกวันนี้ ทั้งยังถูกอัญเชิญเป็นส่วนสำคัญของตราประจำหน่วยราชการต่าง ๆ ของทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนจำนวนมาก และที่น่าภาคภูมิที่สุดคือตราประจำพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน อันพระจอมมิ่งจอมขวัญทูลกระหม่อมแก้วของปวงชนชาวไทย โปรดเกล้าฯให้ประดิษฐานดวงตราอุณาโลมไว้ภายใต้มหาพิชัยมงกุฎ ประดุจแสดงให้ประจักษ์ซึ่งความเป็นพระบรมโพธิสัตว์ธรรมิกราชผู้ยิ่งด้วยพระมหาบารมี ๓๐ ทัศ ปกเกล้าปกกระหม่อมคุ้มแผ่นดิน พิทักษ์ปกป้องรักษาพระพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ชาติไทย สืบทอดขัตติยราชประเพณีและพระราชปณิธานแห่งเหล่าบุรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทั้งปวง...

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย คนเก่า : 29-10-2010 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ คนเก่า ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา