ถ้าเรายังสักแต่ว่ารู้เฉย ๆ ไม่ไปดิ้นรนให้พ้นสภาพนั้น และไม่อยากจะเป็นอย่างนั้น สมาธิก็จะดิ่งลึกเข้าไปอีก จะรู้สึกสว่างโพลงอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งในร่างกายของเรา อาจจะเป็นตรงหน้าก็ได้ ในอกก็ได้ ในส่วนไหนของร่างกายก็ได้ บางทีรู้สึกสว่างเหมือนอย่างกับใครเปิดไฟแรง ๆ ส่องหน้าเลยก็มี หรือบางทีสว่างเหมือนอย่างกับนั่งอยู่กลางแจ้งตอนกลางวันเที่ยง ๆ ก็มี แต่ว่าจะมีความรู้สึกเยือกเย็น มั่นคงแน่วแน่อยู่ภายใน
ตอนช่วงนี้จิตกับประสาทเริ่มแยกจากกัน ไม่สนใจรับรู้อาการภายนอก นิ่งสงบอยู่กับที่ความเย็นความนิ่งภายในของเรา ถ้าเข้าถึงตรงจุดนี้ได้ ก็คือจตุตถฌาน หรือฌาน ๔ ของเรา ถ้ามาถึงช่วงนี้ ให้ตั้งใจว่าเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง เป็นเวลา ๑ ชั่วโมง เราจะคลายกำลังสมาธิออกจากตรงนี้ ถ้าหากว่าไม่ตั้งใจเอาไว้ บางทีสมาธิปรากฏขึ้นวูบเดียว แต่ว่าเวลาภายนอกผ่านไปนานครึ่งค่อนวันก็มี
ดังนั้น ท่านทั้งหลายต้องรู้จักสังเกตอารมณ์ใจในแต่ละขั้นตอน ว่าตอนนี้ของเราเป็นอย่างไร ลักษณะที่ว่าบังคับลมหายใจนั้น แท้จริงแล้วเราบังคับลมหายใจหรือไม่ ? หรือว่าเป็นไปตามลำดับสมาธิดังที่ได้กล่าวมา ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2016 เมื่อ 16:55
|