ชื่อกระทู้: งานพระศาสนา
ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 16-12-2009, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,657 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default งานพระศาสนา

ปีหนึ่ง ๆ จะมีนักการเมืองบางท่าน เป็นเจ้าภาพกฐิน ๒๐ วัด แต่ว่าเขาถวายวัดละ ๕,๐๐๐ บาท เขาจะถามกำหนดการแล้วก็เอาซองไปถวาย จะว่าไปแล้วพวกนักการเมืองนี่ก็ทำบุญเยอะนะ ถ้ารู้จักต่อบุญก็ไปได้เรื่อย ๆ ต้องบอกว่าไม่ว่าเราหรือเขาก็ตาม แต่ละคนที่เกิดมา บุญเก่านั้นพอแล้ว ถ้าสั่งสมมาไม่พอ ก็ไม่ได้เกิดเป็นคนหรอก สำคัญที่ว่าเรารู้จักต่อบุญหรือว่าใช้บุญอย่างไร ? ถ้าหากว่ารู้จักต่อบุญจะไปได้เรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่าให้บุญขาดช่วงลง

บุญเราทำได้ ๑๐ วิธีด้วยกัน ที่เขาเรียก บุญกิริยาวัตถุ ทาน ศีล ภาวนา จะเป็นบุญที่ใหญ่ที่สุด เพียงแต่ว่าทานทำหนึ่งได้ร้อย ส่วนศีลทำหนึ่งได้หมื่น ถ้าภาวนาทำหนึ่งได้ล้าน ถามว่าทำไมถึงต่างกันขนาดนั้น ? ทานนั้นทำด้วยกาย ศีลนั้นรักษาทั้งกายและวาจา พูดปดก็ไม่ได้ พูดคำหยาบก็ไม่ได้ แต่ภาวนานั้นต้องทั้งกาย วาจา ใจ พร้อมกันเลย นั่งหลับตาอยู่ตรงนั้นต่อให้จิตมันไม่เป็นสมาธิอย่างไรก็ตาม กายเราไปทำชั่วได้ไหม ?...ไม่ได้หรอก วาจาเราพูดชั่วได้ไหม ?...หลับตานั่งอยู่ พูดไม่ได้หรอก อย่างเก่งก็คิดชั่วได้อย่างเดียว การคิดชั่วเป็นมโนกรรม กรรมก็น้อย อานิสงส์เราได้ทั้ง ๆ ที่ฟุ้งซ่าน ก็เลยกลายเป็นบุญใหญ่

ในเมื่อเป็นบุญใหญ่ ในแต่ละวันของเรา ถ้าไม่ทิ้งการภาวนา ก็จะสั่งสมตัวมากขึ้น ๆ แรก ๆ เราไม่รู้หรอก เหมือนกับน้ำทีละหยด..ทีละหยดรวมกัน พอนานเข้า..นานเข้าก็เป็นโอ่งเป็นไห ตอนที่ค่อย ๆ รวมนี่เราจะไม่รู้สึก แต่ว่าเราจะวัดปริมาณมันได้ก็ต่อเมื่อเกิดฉุกเฉินขึ้นมา อาจจะเป็นว่า อยู่ ๆ เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยปางตายไปเลยอย่างนี้ โห..กำลังใจรวมตัวดีแท้ ๆ เลย มีเท่าไหร่มันโกยมาหมด เพราะรู้ว่าจะตายแล้วนี่ ตอนนั้นเราจะรู้เลยว่าต้นทุนมีเท่าไร ?

ฉะนั้น...เรื่องป่วย จริง ๆ แล้วพระนักปฏิบัติท่านชอบนะ คือกำลังใจจะรวมเต็มที่เลย วัดตัวเองได้ หรือไม่อีกทีก็เกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่นนั่งรถไป ชนตูม..สนั่นเลย คนอื่นอาจจะเอะอะโวยวาย ตกตะลึงกันไปหมด แต่ถ้านักปฏิบัติจริง ๆ เวลาเขามองว่าเกิดอะไรขึ้น สมองเขาจะตรอง จะแก้ไขได้อย่างไร ? ไม่น่าเชื่อว่าแค่เวลาวินาทีเดียวเราคิดได้เป็นสิบ ๆ เรื่อง ความเร็วของจิตเราเร็วขนาดนั้น ท้ายที่สุดก็จะหาเรื่องที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ตอนนั้น แล้วก็ทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-12-2009 เมื่อ 09:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา