จำให้แม่นนะ...ถ้าภาวนาแล้วเห็นแสงสีทอง จะเป็นทองเข้ม ทองอ่อน ทองเงาหรือไม่เงาเอาทั้งนั้น จะเป็นจุด เป็นขีด เป็นเส้น เป็นฟ้าแลบ หรือว่าสว่างทั่วทั้งโลกอะไรก็เอา น้อมใจดึงเข้ามาในอกของเรา รวมกันเป็นดวงสว่างเจิดจ้าเมื่อไรตัวเราจะเริ่มลอยขึ้น ตั้งสติดี ๆ อย่าเพิ่งไปไกล หลังจากที่ซักซ้อมจนคล่องตัว คิดเมื่อไรก็ลอยได้ดั่งใจ ประตูหน้าต่างก็ไม่มีความหมายสำหรับเรา เพราะว่าสามารถออกไปได้ทุกซอกทุกมุม
ที่ออกได้ทุกซอกทุกมุมเพราะว่า สิ่งที่เราเห็นว่าทรงตัวแน่นหนาเป็นชิ้นเป็นอัน จริง ๆ แล้วเป็นโมเลกุลที่ก่อกันขึ้นมา ช่องว่างระหว่างโมเลกุลนั้น ในความรู้สึกของคนที่ทำได้ ใหญ่กว่าประตูศาลานี้อีก ฉะนั้น...จึงไม่มีอะไรกั้นได้ เดินทะลุไปเฉย ๆ พอถึงเวลาเราทำได้คล่องตัวแล้ว ก็ขยับไปทำเรื่องของน้ำ เรื่องไฟอะไรก็ว่าไป ทีละกองสองกองจนคล่องตัว พอซักซ้อมได้คล่องตัวทีนี้แค่คิดก็เป็นแล้ว
จะได้หายสงสัยสักทีว่าทำไมพระอาจารย์ทำโน่นทำนี่ได้เยอะแยะกว่าพวกเรา ก็แค่ขยันกว่าหน่อยเดียวเท่านั้น พวกเราก็แค่ขยันให้เท่ากันก็พอ ฝากงานยากเอาไว้ให้ แต่ไม่ได้ยากเกินกำลัง เพราะอาตมาทำเองมาแล้ว
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2016 เมื่อ 19:37
|