ดูแบบคำตอบเดียว
  #20  
เก่า 15-04-2011, 10:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,596
ได้ให้อนุโมทนา: 151,775
ได้รับอนุโมทนา 4,412,056 ครั้ง ใน 34,186 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์สังขารุเปกขาญาณ คือการรู้ตัว สติตระหนักรู้ ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาใช่ไหมคะ ?
ตอบ : นั่นเป็นแค่สติ ในเมื่อสติตื่นรู้ ต้องมีปัญญาระมัดระวังไม่ให้กิเลสเข้ามากินใจเราได้ด้วย สิ่งต่าง ๆ ที่ตาได้เห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายได้สัมผัส ใจครุ่นคิด จะสร้างรัก โลภ โกรธ หลงได้อย่างไร ปัญญาจะบอกชัดเจน แล้วก็เอาสติสมาธิไประงับยับยั้ง เพื่อมิให้ครุ่นคิดปรุงแต่งขึ้นมา

อย่างที่เราว่ามาไม่ใช่สังขารุเปกขาญาณ สังขารุเปกขาญาณที่แท้จริง คือ มีปัญญาเห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา ธรรมชาติมีปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น เมื่อเห็นชัดก็ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของตนเองและบุคคลอื่น ถ้าถึงตอนนั้นก็ไม่มีเรา ไม่มีเขาอีกแล้ว

ถาม : ปล่อยวาง..?
ตอบ : ถ้ายังปล่อยวางไม่ได้ ก็ยังไม่ใช่

ถาม : คือคนละอย่างกับเฉย ๆ ชืด ๆ หรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ เฉย ๆ ชืด ๆ นั้นมีสองอย่าง อย่างแรกคือเราทรงฌานอยู่ เป็นเอกัคคตารมณ์ในฌานใดฌานหนึ่ง ส่วนอีกอย่างก็คือ ความเคยชินที่เกิดขึ้นจากอารมณ์นั้นอยู่บ่อย ๆ เราต้องแยกให้ออกว่าตอนนี้เราทรงฌานอยู่ คือ ใช้อำนาจสมาธิกดอยู่หรือเปล่า ? หรือว่าเป็นความเคยชินที่คบอารมณ์นั้นอยู่บ่อย ๆ จนไม่รู้สึกตื่นเต้นอีกแล้ว

ถาม : เราเห็นบ่อย ๆ จนชิน เราก็รู้สึกว่าธรรมดา แต่ก็ไม่ใช่ธรรมดาแบบ..
ตอบ : แล้วใจเรายอมรับว่าเป็นธรรมดาอย่างนั้นตลอดเวลาไหม ? ถ้ายังเป็นบ้างไม่เป็นบ้าง ก็ยังไม่นับว่าเป็นสังขารุเปกขาญาณ สังขารุเปกขาญาณต้องทรงได้ตลอด พูดง่าย ๆ ว่า สังขารุเปกขาญาณมาแล้วไม่ถอย จะอยู่ทรงตัวอย่างนั้นไปเลย

ถาม : คือได้เรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องอื่นจะไม่มีปัญหา ?
ตอบ : ทุกอย่างจะเป็นอย่างนั้นหมดเลย มีอารมณ์ปล่อยวางได้เสมอกัน

ถาม : แล้วใช้อะไรที่เป็นความคล่องตัว พร้อมด้วยสติปัญญาที่ตั้งมั่นอยู่ตลอด ?
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของสติ สมาธิ และปัญญาที่เริ่มทรงตัว จากการปฏิบัติที่ต่อเนื่องของเรา สติจะเป็นตัวฉุดรั้ง สมาธิเป็นตัวหักห้าม ปัญญาเป็นตัวเห็นตามความเป็นจริง

เมื่อถึงเวลาทั้งสามอย่างนี้จะทำงานด้วยกัน สติระลึกได้เกิดขึ้น มีกำลังของสมาธิช่วยในการหักห้ามใจตัวเอง และมีปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในคุณและโทษ ก็จะเลือกแต่สิ่งที่เป็นคุณ และเว้นในสิ่งที่เป็นโทษ ท้ายสุดพอไปถึงที่สุดแล้ว ทั้งคุณทั้งโทษก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมากระทบกระเทือนเราได้อีกแล้ว ก็จะอยู่ตรงช่วงกลางพอดี ที่เป็นอัพยากฤต จึงจะเป็นสังขารุเปกขาญาณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2019 เมื่อ 19:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา