"ทำงานไปจนอายุ ๒๑ ปี มีหมายเกณฑ์มา ให้ไปคัดเลือกทหาร ช่วงนั้นเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อให้ตัดสินใจ เพราะว่าพี่ประสิทธิ์หมายมั่นปั้นมือว่าจะให้เป็นคนรับช่วงกิจการ แต่ว่าพระครูแสงเขาไปทำอยู่ก่อนแล้วตั้ง ๓ ปี พระครูแสงเรียนจบ ป.๗ ก็เข้ากรุงเทพฯ มาทำงานเลย ไม่เรียนมัธยม ส่วนอาตมายังตื๊อเรียนมัธยมมาอีก ๓ ปี หาเงินเรียนเอง คราวนี้ด้วยความที่พระครูแสงมาก่อน แกก็ทำงานแบบไม่มีเงินเดือนเหมือนกัน โดยมีความหวังว่า ท้ายสุดกิจการนี้ก็เป็นของแกเหมือนกัน ก็มานึกแบบเอาใจเขามาใส่ใจเราว่า ถ้าเรามาก่อน ๓ ปี เขาบอกว่ากิจการนี้จะยกให้เรา แล้วอยู่ ๆ พอพี่ชายมาเขาบอกจะยกให้คนอื่น ถึงเป็นพี่เราก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน จึงอยู่ในช่วงที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการตัดสินใจ
พอมีหมายเกณฑ์มาเลยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ตกลงเราไปดีกว่า จะได้ไม่ต้องมาแย่งสมบัติกัน ก็เลยตัดสินใจว่าจะไปเป็นทหาร แต่คราวนี้แม่สิ แม่ไม่เคยยอมให้ลูกเป็นทหารสักคน ไปวิ่งเต้นเสียเงินเสียทองให้กับทางอำเภอมาทุกคน ก็ห้ามแม่ไว้ว่าอย่าไปเสียเงิน แม่ก็เลยเอาแบบว่า มีหลวงปู่หลวงพ่อที่ไหนศักดิ์สิทธิ์พาไปหมด ไปบนไม่ให้ลูกเป็นทหาร
อาตมาไปถึงก็จุดธูปจุดเทียนกราบงาม ๓ ครั้ง บอกว่า “หลวงพ่อครับ อยู่เฉย ๆ นะครับ ผมอยากเป็น” ไม่อยากให้หลวงพ่อมายุ่งกับอนาคตของตัวเอง ว่าอย่างนั้น พอถึงวันคัดเลือกก็ไปสมัคร เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ออกมาบอกว่า “แม่..เรียบร้อยแล้วครับ ได้ใบแดง” แม่บอกว่า “เอ็งไม่ต้องมาโกหก ปีที่แล้วเขาจับกันตอนบ่าย เอ็งไปสมัครใช่ไหม ?” แม่พาลูกมาหลายคน..แกรู้ จากอำเภอมาถึงบ้าน แม่แกด่าจากอำเภอยันมาถึงบ้านเลย..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2014 เมื่อ 14:53
|