ดูแบบคำตอบเดียว
  #47  
เก่า 21-04-2014, 10:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,530
ได้ให้อนุโมทนา: 151,474
ได้รับอนุโมทนา 4,406,541 ครั้ง ใน 34,120 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าประวัติครอบครัวให้ฟังว่า "โยมพ่อแต่งงานกับแม่ใหญ่ที่เมืองจีน แต่ตอนอพยพมาเมืองไทย แม่ใหญ่กับพี่สาวคนโตไม่มาด้วย โยมพ่อก็เลยต้องมากับพี่ชายคนโตเพียงสองคน พอมาเมืองไทยก็มาแต่งงานกับโยมแม่ อายุห่างกันมาก ห่างกันเกือบสองรอบ เพราะถ้าพ่ออยู่ปีนี้อายุ ๑๑๓ ปีแล้ว แม่ยัง ๘๐ กว่าปีอยู่เลย

เมื่อทำงานได้เงิน โยมพ่อก็ฝากเงินไปทางโพยก๊วน สมัยก่อนพวกที่มาจากเมืองจีนต้องฝากเงินผ่านโพยก๊วนกลับไป เพราะไม่มีระบบธนาคาร พวกโพยก๊วนนี่ต้องบอกว่าเป็นต้นตำรับธนาคารนั่นแหละ แต่ว่าเป็นธนาคารที่ส่งไปต่างประเทศโดยเฉพาะ เสียค่าธรรมเนียมให้เขานิดหน่อย แล้วเขาส่งให้ถึงทุกที่ สมัยนี้ยังเก่งสู้ไม่ได้เลย

คนสมัยก่อนเขามีความซื่อตรง ประเภทที่เขาสอนกันว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” สมัยเด็ก ๆ เวลารถเมล์วิ่งมา เป็นรถที่มีโครงตัวถังเป็นไม้ ต้องใช้หมุน ๆ หัว กว่าจะสตาร์ทติดเหงื่อท่วมตัว ก็ฝากข้าวฝากของ ฝากเงินฝากทองไปได้ ไม่หาย ฝากไปถึงใครที่บ้านเป็นทางรถเมล์ผ่าน เขาก็ช่วยเอาไปส่งให้ ถ้าเราจะเอาของไปขายในเมือง แล้วตัวเองไม่ว่าง ก็ฝากเขาไปได้ กระเป๋ารถเมล์กับคนขับรถจะไปจัดการให้เสร็จสรรพ เขาก็รับค่าแรงไปนิดหน่อย ดู ๆ แล้วว่าสังคมยุคนั้นดีตรงที่ว่า เพื่อนบ้านรอบข้างช่วยเป็นรั้วแทน ถึงเวลาทำมาหากิน มีอะไรก็แบ่งสรรปันส่วนกัน บ้านโน้นแกงหม้อหนึ่งก็ตักมาแบ่งบ้านนี้ถ้วยหนึ่ง เวลาบ้านนั้นมีอะไรก็เอาไปแบ่งกัน แบ่งปันสู่กันกิน

คราวนี้พอโยมพ่อส่งโพยก๊วนหลายทีก็มีพิรุธให้แม่จับได้ แม่ก็เลยจัดการส่งเอง ถ้าบอกตั้งแต่แรกก็หมดเรื่องไปแล้ว ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ตั้งนาน แล้วแม่เขามีนโยบายอย่างที่บอกว่า ส่งลูกให้เรียนทุกคน พวกพี่ชาย พี่สาวส่วนใหญ่จะเรียนภาษาจีน เพราะตอนนั้นสังคมรอบข้างยังใช้ภาษาจีนกันหมด แม้กระทั่งรุ่นอาตมาไปโรงเรียนยังพูดไทยไม่ได้เลย ครูต้องตีบังคับให้พูดไทย พอครูตีอาตมาก็ด่าเป็นภาษาจีน ครูก็ตีหนักขึ้นเพราะครูฟังออก..!

คราวนี้เมื่อลูกเรียนกันมาก ๆ แม่ก็ส่งไม่ไหว รุ่นของพี่ก้องเรียนที่บางลี่บ้านตาบ้านยาย โรงเรียนอุภัยภาดาวิทยาคม มารุ่นของพี่ประสิทธิ์ พี่สุรกานต์เรียนโรงเรียนบ้านยาง (อินทรศักดิ์ศึกษาลัย) ที่กำแพงแสน ต้องขี่รถจักรยานไปกลับวันละ ๒๒ กิโลเมตร รุ่นพี่มุกดา
กับอาตมาเรียนโรงเรียนการบินกำแพงแสน ต้องขี่รถจักรยานไปกลับวันละ ๑๒ กิโลเมตร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2014 เมื่อ 13:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา