ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 19-05-2016, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,151 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดหรือเราชอบมาแต่เดิม ถ้าเผลอสติหลุดจากลมหายใจเข้าออกไปคิดเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรก็ให้รีบดึงกลับมาหาลมหายใจเข้าออกเสียใหม่ แรก ๆ ก็จะมีการยื้อแย่งกันอย่างนี้อยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งสมาธิเริ่มทรงตัว สภาพจิตจึงยอมผูกอยู่กับลมหายใจเข้าออก ไม่ดิ้นรนไปไหน

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ จะขอกล่าวถึงอานิสงส์ของการปฏิบัติภาวนาของเรา การปฏิบัติภาวนานั้นจะว่าไปแล้วความจริงมีพื้นฐานมาจากศีล คือการที่เราตั้งสติระมัดระวังไม่ให้ล่วงสิกขาบทต่าง ๆ ก่อให้เกิดสมาธิขึ้นมาได้ คราวนี้สมาธิที่เราทำนั้น เป้าหมายก็คือความอยู่เย็นเป็นสุขในปัจจุบัน ความเป็นสุขในอนาคต และประโยชน์สุขสูงสุดคือพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ประโยชน์สุขในปัจจุบันของเราก็คือการที่จิตใจของเราสงบระงับจาก รัก โลภ โกรธ หลง ด้วยอำนาจของสมาธิ ประโยชน์สุขในอนาคต ก็คือ บุคคลที่สมาธิตั้งมั่นทรงตัวเป็นปกติ ย่อมไปเกิดในสุคติโดยเฉพาะเกิดเป็นพรหม ประโยชน์สูงสุดก็คืออาศัยกำลังสมาธิหนุนเสริมปัญญา ให้มีกำลังในการตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเข้าสู่พระนิพพานได้

คราวนี้การที่เราบำเพ็ญภาวนาไปเรื่อยจนกำลังใจทรงตัวได้ ย่อมมีอานิสงส์ส่งไปเกิดในเขตแดนของตนตามลำดับดังนี้คือ ถ้าหากว่าได้ปฐมฌานขั้นหยาบจะไปเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๑ ที่เรียกว่า ปาริสัชชาพรหม ถ้าปฐมฌานขั้นกลางจะได้ไปเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๒ ที่เรียกว่า ปโรหิตาพรหม ถ้าได้ปฐมฌานขั้นละเอียดจะไปเกิดเป็นพรหมชั้นที่ ๓ ที่เรียกว่า มหาพรหม

ถ้าได้ฌานที่สองอย่างหยาบจะไปเกิดเป็น ปริตตาภาพรหม ถ้าได้ฌานที่สองอย่างกลางจะไปเกิดเป็น อัปปมาณาภาพรหม ถ้าได้ฌานที่สองอย่างละเอียดจะไปเกิดเป็น อาภัสราพรหม

ถ้าได้ฌานที่สามอย่างหยาบจะไปเกิดเป็น ปริตตสุภาพรหม ถ้าได้ฌานที่สามอย่างกลางจะไปเกิดเป็น อัปปมาณสุภาพรหม ถ้าได้ฌานที่สามอย่างละเอียดจะไปเกิดเป็น สุภกิณหาพรหม

ถ้าหากว่าได้ฌานที่สี่อย่างหยาบจะไปเกิดเป็น เวหัปผลาพรหม ถ้าได้ฌานสี่อย่างละเอียดจะไปเกิดเป็น อสัญญีสัตตาพรหม ซึ่งพรหมชั้นนี้จะไม่รับรู้อาการภายนอก เพราะว่าสภาพจิตดิ่งลึกอยู่ภายใน บางคนก็เรียกว่า พรหมลูกฟัก ซึ่งในส่วนของฌานสี่นั้น ท่านแบ่งเป็นสองคือหยาบกับละเอียดเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-05-2016 เมื่อ 12:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา