ดูแบบคำตอบเดียว
  #138  
เก่า 15-11-2012, 10:14
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

หลงป่า

เดือนพฤศจิกายนปีนั้น ท่านกราบลาหลวงปู่มั่นออกจากวัดป่าบ้านนามนไปเที่ยวกรรมฐาน มีอยู่คราวหนึ่ง ระหว่างที่ท่านพร้อมหมู่คณะกำลังเที่ยววิเวก หาสถานที่ภาวนาในป่าในภูอยู่นั้น เมื่อยิ่งเดินหน้าไปเรื่อยก็ยิ่งพลัดหลงทางไปเรื่อย เข้าไปในหุบเขาเล็ก ๆ ยิ่งเข้าป่าลึกขึ้น ๆ จนไม่พบบ้านผู้คนเลย เหตุการณ์คราวนั้น ท่านกล่าวว่า รอดมาได้ด้วยอำนาจของบุญของทาน ดังนี้

“...ออกจากบ้านโคกนามน จากพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นไปก็เข้าเขาเลย เพราะภูเขามันติดกันกับบ้านห้วยหีบ เข้าไปนั่นไปภูเขา เข้าไปกลางเขาเลยหลง หลงอยู่กลางเขาเลย... ไปเที่ยวในภูเขาจากระหว่างสกลนครกับกาฬสินธุ์ เข้าไปในเขาไปหลงป่าละซี เข้าไปในหุบเขาเลยนะ เขาไม่รู้กี่ลูกกี่ชั้น เข้าไปจมอยู่ในเขาเลย พอดีไปเจอพวกเขาไปทำไร่อยู่ในเขามี ๔ - ๕ หลังคา เขาไปทำไร่อยู่ในหุบ หลงเข้าไปตรงนั้น เขา.. จนงงเลย ‘โห .. ท่านมาได้ ‘ยังไง’ ?’

คือตอนกลางคืนนั้นมีนิมิตเสียก่อนนะ หลงป่าไปด้วยกัน ๓ องค์ ยังไม่ได้แยกจากกัน ตามธรรมดาออกจากวัดแล้วก็ไปทีละ ๒ องค์ ๓ องค์ แล้วก็ไปแยกกันข้างหน้า ไปวันนั้นยังไม่ได้แยกเลย ไปก็ไปหลงป่ากลางคืน งมเงาไป

‘เอ้า นอนในป่านี่แหละ งมไปไหน แล้วตั้งสัจอธิษฐานนะ ..จะออกทางภาวนาก็ได้ ..ออกทางความฝันก็เอา แล้วบ้านอยู่ทางไหน มันหลงถนัดแล้ว เข้าในหุบเขา บ้านอยู่ทางไหนให้ตั้งสัจอธิษฐานนะ

องค์นั้นก็ตั้ง องค์นี้ก็ตั้ง เราก็ตั้ง ตั้งสัจอธิษฐาน จะออกทางภาวนาก็ได้ ออกทางไหนก็ได้ พอดีกลางคืนมานิมิตแล้ว ... ทีนี้พอกลางคืนมาก็ฝันละที่นี่ องค์นั้นก็ฝัน องค์นี้ก็ฝัน ฝันด้วยกันทั้ง ๓ องค์ด้วยนะ แปลกอยู่

องค์หนึ่งฝัน ‘บ้านอยู่ทางไหน ?’
‘บ้านอยู่ทางนี้’ ชี้ไปทางทิศใต้ ‘รู้ได้ยังไงว่าบ้านอยู่ทางนี้ ?’


‘มีแต่ผู้หญิงหาบอะไรต่ออะไร หลั่งไหลผ่านมานี่ ไปทางนี้แหละ ไปทางทิศใต้นี้’

‘แล้วองค์นี้ล่ะ ฝันว่ายังไง..’

‘บ้านอยู่ทางนี้อีก’ ‘รู้ได้ยังไง..’

‘มีแต่ผู้หญิงหาบสิ่งหาบของพะรุงพะรังไปนี้’ แล้วว่า ‘วันนี้เราจะพบผู้หญิงก่อนนะ’

‘เอ้า...อยู่ในกลางเขาจะพบผู้หญิงก่อนนะ’

‘เอ้า...อยู่ในกลางเขาจะพบผู้หญิงได้ยังไง..’

‘หากจะพบก็เพราะความฝันบอก อย่างนั้น’

เราก็อีกเหมือนกัน หมู่เพื่อนมาถามเราว่า ‘เป็นยังไง ?’

‘บ้านอยู่ทางนี้จริง แต่ไม่ใช่บ้านนะ เป็นทับ เขามาตั้งทับอยู่ทางด้านนี้ เมื่อคืนเห็นโยมแม่มาหา มีเด็กสองสามคนติดตามโยมแม่มา โยมแม่มาหามาถางนั้นถางนี้ปุบปับ ๆ แล้วก็พาเด็กขนของไป ไปทางนี้แหละ บ้านอยู่ทางนี้หรือทับอยู่ทางนี้แหละ เอ้า...ไปทางนี้’

นั่นละ พอตื่นแล้วก็บุกตามทิศเลย ไปอยู่ในหุบเขาลึก ๆ นะ มีบ้านอยู่ ๔ หลังคาเรือน เขามาทำไร่อยู่ในหุบเขา ไปเขางงเลย ‘โอ๊ย... ท่านมาได้ยังไงนี่ โถ... ตาย ๆ ๆ’

ไปได้พบผู้หญิงก่อนจริง ๆ มีแต่ผู้หญิงตำข้าวกันตุบตับ ๆ ผู้ชายไม่มีสักคนเดียว มีเด็กเล่นอยู่อีกสองสามคน เด็กก็ลักษณะที่ว่านั่นแหละ เขาว่าญาครูเป็นความเคารพ ญาครู ญาชา หลวงตา นี่เป็นความเคารพของเขา

‘มาได้ยังไง ? เมื่อคืนนี้ก็ฝันกัน มาเล่าสู่กันฟังอยู่นี่ ฝันว่าพระท่านมาโปรด ๓ องค์ เมื่อคืนนี้ บ้านนั้นก็ฝัน บ้านนี้ก็ฝัน ก็แปลกอยู่นะ


ฝันว่าญาครู (คือพระ) ท่านมาโปรด ๓ องค์เมื่อคืนนี้ พูดกันจบเดียวนี้ พวกผู้ชายเขาไปไร่นอกบริเวณนั้น เพิ่งไปตะกี้นี้ ว่าพระมาโปรด ๓ องค์’

พอดีไปพวกนั้นเขาก็งง เขาว่า ‘ถ้าไม่พบบ้านนี้ต้องตาย ไม่มีทางอื่นทางใด นอกจากจะไปพบพวกนายพรานเขานะ ถ้าผู้มีแก่ใจเขาก็จะพาย้อนกลับหลังไป ย้อนทางไปสู่บ้านมานี้มันลึกพอแล้วนี่ ข้ามเขาแต่เพียงลูกเดียวสองลูกเท่านั้นตายเลย เพราะแถวนี้ไม่มีบ้านเลย อยู่ในหุบเขา

เราก็เลยได้กินข้าวกับเขา แล้วบอกเพื่อนฝูงด้วยว่า ‘วันนี้เราอย่าพูดอะไรนะ จะมีคนตามส่งเรานะวันนี้ เพราะมีเด็กมาเอาของบริขารผมไป เราไม่ได้บอกเด็ก เด็กมาขนบริขารไปเลย วันนี้คอยดู จะมีคนไปส่งเรา

พอกินข้าวแล้วเขาบอกว่า ‘พวกผมต้องไปส่งท่าน ถ้าไม่ไปส่ง ท่านก็ตายอีก’ เขาตามส่งย้อนหลัง ไปส่งใส่ทางเข้าหมู่บ้าน

นี่เรามันอัศจรรย์ที่ว่าอยู่ในหุบเขาลึก ๆ มันหลงไปได้ ‘ยังไง’ หลงไปในหุบเขาเท่ากำปั้นนี่นะ ภูเขานี่กว้างเท่าท้องฟ้ามหาสมุทร แล้วมันหลงไปได้ ‘ยังไง’ นี่..อัศจรรย์อยู่เหมือนกันนะ เวลาจะตายไม่ตายนะ ที่ว่าจะตาย ๆ ก็เพราะปีนเขา เขาพูดว่า
‘ไม่ใช่อะไรหรอกท่าน ปีนเขาลูกนี้ลงลูกนี้ ขึ้นลูกนั้น กว่าจะถึงบ้านคนมันกี่สิบเขา ท่านไปได้เพียง ๒-๓ วัน ท่านก็แย่แล้ว ตายแล้ว นี่มาเจอพวกผมดีแล้ว ท่านไม่ตายแหละคราวนี้’


นี่เราเชื่อเวลาจำเป็น.. เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นะ มันหากบันดลบันดาล มิหนำซ้ำเทวบุตรเทวดายังบันดลบันดาลให้เขาฝันทางโน้นว่าพระท่านมาโปรด ๓ องค์ ทางนี้ก็ฝันว่าไปหาโยม โยมตามส่ง เราเลยฝังใจจนกระทั่งทุกวันนี้…

ภายในใจนี้เราเชื่อ เชื่อในหัวใจเจ้าของเองว่าเปิดโล่งอยู่ตลอด... นี่แหละ อำนาจแห่งการทำบุญให้ทานไม่อดอยาก ถึงเวลาจำเป็น หากมีผู้มาช่วยจนได้นั่นแหละ หากมี..ฟังแต่ว่า “มี” เถอะ อำนาจทานบันดลบันดาลให้มีผู้ใดผู้หนึ่งมีใจบุญเข้ามาช่วยสงเคราะห์สงหา เพราะอำนาจแห่งบุญของเรามีเป็นเครื่องดึงดูดกัน...”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2012 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา