ชื่อกระทู้: อัศจรรย์โลกใบนี้
ดูแบบคำตอบเดียว
  #192  
เก่า 04-01-2011, 08:51
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

การได้ห่มผ้าพระเจดีย์เป็นวิธีแก้กรรมวิธีหนึ่งเฉพาะบุคคล แต่ใครได้กระทำด้วยจิตศรัทธาก็จะมีความเจริญด้วยกุศล กรรมจะมีพลังส่งผลกับบุคคลที่ได้กระทำ รวมทั้งการถวายผ้าห่มพระพุทธรูปจะปกป้องสิ่งที่ไม่ดี ไม่ให้เข้ามาในชีวิต อาการเจ็บป่วยในกายข้าพเจ้าจึงค่อยดีวันดีคืน

เรื่องของกฎแห่งกรรมขอเตือนสติให้ระลึก ให้ทุกท่านพึงสังวรตระหนักไว้เสมอ แม้แต่บุญวาสนายังเป็นดาบสองคม กระแสบุญนั้นถ้าอยู่กับคนดีมีปัญญา ก็จะส่งเสริมให้ตระกูลมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นปึกแผ่นมีฐานะมั่นคง แม้บุคคลนั้นจะเกิดในตระกูลที่ยากจน ก็จะสร้างฐานะของตระกูลให้มีความร่ำรวย พัฒนาตนเองให้อยู่แนวหน้าพ้นความยากจน ถ้าอยู่ในตระกูลที่มั่งมีอยู่แล้วก็จะเพิ่มพูนให้มั่งมียิ่งขึ้น

หากแต่บุญวาสนานั้นมาอยู่กับคนโง่ ก็เสมือนกับให้อาวุธกับโจรมีแต่ทำลาย แก่งแย่ง ฆ่าฟัน กอบโกยเอาเป็นของตนเอง ไม่คำนึงถึงผู้อื่น ใช้แต่อารมณ์เป็นเครื่องตัดสินปัญหาชีวิต มีแต่ความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตถูกฝึกให้ติดอยู่กับความต้องการ ไม่ใช้ปัญญาพิจารณา ใช้แต่สามัญปัญญาหรือโลกียปัญญา มูลเหตุเกิดจากพ่อแม่ได้เสี้ยมสอนโดยไม่รู้ตัว

ความรักเข้าสิงสู่จิต ตามใจในสิ่งที่ผิดตั้งแต่เล็กจนโต เขาเติบโตมาด้วยการถูกเอาใจ จึงซึมซับรับเอาไว้อยู่ตลอด โลกียปัญญาเข้าครอง เข้าเป็นเจ้าเรือนในจิต เจริญมาด้วยการปรนเปรอวิสัยโลกอย่างสุดเหวี่ยง ทำอะไรจึงเอาแต่ใจ *ยึดถือโลกธรรมเป็นแก่นของชีวิตจนมัวเมาปักแน่นอยู่* ถอนตัวไม่ขึ้น

สุดท้ายจะทำลายตระกูลจากมั่งมีก็จะยากจน จากจนมากก็จะจนมากขึ้น รบราฆ่าฟัน แย่งสมบัติที่ไม่ได้เอามากันภายในหมู่พี่น้อง ในหมู่ญาติ ดังมีบทเรียนให้เห็นอยู่ทั่วไป บุญวาสนาหากอยู่กับคนดีมีปัญญาก็เหมือนบุคคลนั้น

“มากับความสว่างไปกับความสว่าง มากับความมืดไปกับความสว่าง
ในทางกลับกัน ถ้าวาสนานั้นมาอยู่กับคนโง่เหมือนหนึ่งบุคคลนั้น
มากับความสว่างไปกับความมืด มากับความมืดไปกับความมืด”


เราจะเลี้ยงลูกอันเป็นแก้วตาดวงใจของเราแบบไหน? จะให้มากับความสว่างไปมืด หรือมากับความมืดไปสว่าง มากับความมืดไปมืด พ่อแม่เป็นผู้สร้าง เป็นผู้กำหนดมูลเหตุปัจจุบันกรรม ส่วนอดีตกรรมเป็นเรื่องยากจะเดาแต่ป้องกันได้ หากเราไม่ละเลย หลงผิดติดอยู่แต่วัตถุธรรม

ขอเน้นพระพุทธพจน์อีกครั้ง กรรมใดใครก่อ บุคคลนั้นต้องเป็นผู้รับกรรมนั้น จะแบ่งกรรมให้ผู้อื่นไม่ได้ ทั้งกุศลและอกุศล ยกเว้นผู้อื่นมาแบ่งไปดังข้อเขียนในเบื้องต้น บุคคลใดมารับก็จะกลับเป็นกรรมของคนนั้น ขอให้แยกออกให้เป็นตามกฎแห่งกรรม กุศลที่ได้กระทำนั้นสามารถแผ่เป็นอานิสงส์ให้ผู้อื่นได้ อกุศลที่ได้กระทำย่อมไม่สามารถแผ่ให้ผู้อื่นได้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา