คืนหนึ่งข้าพเจ้าคิดว่า คืนนี้น่าจะจากเรือนร่างที่เหมือนเรือผุ ๆ นี้ได้แล้ว จิตมันอ่อน หัวใจเต้นช้า หายใจไม่ค่อยจะมีกำลัง คิดว่าคงไม่พ้นคืนนี้แน่ ๆ จึงกำหนดสติไม่ให้กลัวพร้อมจะจากร่างกายนี้ไป ไม่ได้บอกใคร ๆ กลัวจะตกใจ หลับตาลงเจริญจตุตถฌานเพื่อถอดจิต
หลวงปู่เทพโลกอุดรมายืนข้าง ๆ เตียงพร้อมเอามือลูบศีรษะ แล้วท่านก็ถามว่า “จะกลับแล้วหรือ?” ได้ตอบท่านว่า “จะกลับแล้ว” ท่านบอกว่า “ยังกลับไม่ได้หรอกนะ อดทนไปก่อน ยังมีงานให้ทำอีกอย่าง แต่ให้ไปทำการสืบชะตาต่ออายุเพื่ออโหสิกรรม หนักจะได้เป็นเบา ให้เอาผ้าสีเหลืองไปห่มพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๙ องค์” ถามท่านว่า “จะไปห่มที่ไหน เดินก็ไม่ไหวอยู่แล้ว” ท่านบอกว่า “เตรียมผ้าไว้จะได้ไปห่ม เตรียมให้พอก็แล้วกัน” หลวงปู่พูดจบก็หายไป
วันรุ่งขึ้นรู้สึกมีความแข็งแรงขึ้น กินข้าวได้ กินน้ำธรรมดาได้ อีก ๕ วันหมอก็ให้ออกจากโรงพยาบาล เจ็ดวันต่อมาทางวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรพานักศึกษาไปดูงานในภาคเหนือ
จึงได้ซื้อผ้าไปห่มเจดีย์ ห่มได้ ๑๒ องค์เกินไป ๓ องค์ โชคดีที่เพื่อน ๆ นักศึกษา ทั้งนายพล อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองอธิบดี ได้ช่วยกันปีนขึ้นไปห่มกัน อาการป่วยจึงค่อย ๆ ฟื้นตัว ที่ยังตกค้างอยู่คือ โรคเบาหวาน ที่ต้องรักษาเพิ่มอีกโรคหนึ่งก็เหมาะสมแล้ว
กรรมเราสร้างมาเอง มาขอให้เราชดใช้ เราก็ชดใช้กันไปไม่ต้องร้องอุทธรณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น นับว่าโชคดีที่เรายังมีโอกาสได้ใช้ จะได้ไม่ต้องไปใช้ในภพชาติหน้าที่รอเราอยู่ อย่าลืมว่าอกุศลกรรมจ้องมองเราอยู่ หาช่องทางจะเข้ามาหาเราตลอดเวลา มีช่องว่างก็จะเข้ามาให้เราได้เสวยทันที
ขอเตือนอย่าประมาทในกรรมโดยเด็ดขาด ต้องระวังปิดประตูให้ดี สร้างสติมั่นคง คอยแก้ไข หมั่นสวดพระพุทธมนต์ พระพุทโธช่วยเราได้ หนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย ถ้าทำได้ก็ไม่ประมาทในกรรม สร้างคุณภาพจิตให้อยู่ในกุศล มีฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ธรรมทั้งสี่ประการนี้เหมือนยาแก้กรรมเรียกว่า อิทธิบาท ๔ ต้องเจริญให้สมบูรณ์ในจิต จะคิดทำอะไรก็จะสำเร็จ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2010 เมื่อ 03:00
|