ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 10-12-2011, 22:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,723 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาเห็นรูปของสถานที่ใดแล้วใจรู้สึกหวิว ๆ ขึ้นมา รู้สึกว่าชาตินี้เราต้องไปที่นั่นให้ได้ ไม่ใช่ว่าอยากจะไป แต่ถ้าไม่ไปก็เหมือนกับว่าเราติดค้างอะไรบางอย่างอยู่แถว ๆ นั้น พอหาโอกาสไปที่นั่นได้แล้ว อารมณ์ค่อยคลาย เบาโล่งขึ้นมา แต่ก็ไม่ใช่หายไปเลยทีเดียว ถ้ายังมีความรู้สึกว่ายังค้าง ๆ อยู่ ก็ต้องหาทางไปอีก ไปจนกว่าจะรู้สึกว่าหมดจากอารมณ์ค้างนั้นแล้ว จึงไม่ต้องไป อาการแบบนี้คืออะไรหรือคะ เหมือนคนเป็นหนี้อย่างไรไม่รู้ ?
ตอบ : เป็นอาการของคนอยากเที่ยว ถ้าไปบ่อย ๆ จะเจอเตะ..!

ถาม : เคยดูสารคดีของประเทศทิเบต อย่างองค์ดาไลลามะ พอมรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าบ้าง กระดูกเป็นพระธาตุหรือเป็นแก้วบ้าง หลังจากนั้นแล้วท่านก็ไปเกิดใหม่อีก เกิดเป็นเด็กที่ยังมีสัญญาความจำ ว่าเมื่อก่อนตนเองเคยเป็นอะไรมาก่อน และเมื่อพิสูจน์ก็เป็นดังนั้นจริง สงสัยว่าลามะเหล่านั้นปรารถนาโพธิญาณ ยังหวังการเกิดอยู่ แต่ทำไมพอท่านมรณภาพแล้ว กระดูกจึงเป็นแก้วหรือเป็นพระธาตุ เพราะปกติอย่างที่เรารู้กันก็คือ คนที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบในระดับพระอรหันต์กระดูกจึงเปลี่ยนเป็นอย่างนั้นได้ หรือพระโพธิสัตว์ที่มีความดีสูงสามารถเปลี่ยนกระดูกให้เป็นพระธาตุได้คะ ?
ตอบ : พระโพธิสัตว์ก็กำลังใจเทียบเท่าพระอริยเจ้าได้ ความดีที่ท่านทำอยู่ฟอกธาตุขันธ์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งท้ายสุด กระทั่งกระดูกเลือดเนื้อของท่านก็บริสุทธิ์ไปด้วย ขอยืนยันว่า ถ้าพระโพธิสัตว์ที่ปฏิบัติกำลังใจเทียบเท่าพระอริยเจ้าแล้ว จะละเอียดกว่าพระอริยเจ้าหลายเท่า

ถาม : อารมณ์อย่างไรจึงเรียกว่าการดับของโทสะ ? คือ จะโกรธก็ไม่โกรธ หรือไม่มีอะไรให้โกรธ เพราะว่าไม่มี
ตอบ : ไม่มีอะไรจะให้โกรธ ถ้าใจไม่ปรุงแล้วจะเอาอะไรมาโกรธ ยกเว้นแต่ว่าไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขารู้ตัวว่าทำผิด ก็แยกเขี้ยวแฮ่..! ใส่สักที

ถาม : อารมณ์เกี่ยวกับการดับราคะ อย่างไรจึงถือว่าถูกต้องที่สุด ? ระหว่างราคะมีเป็นปกติ ราคะไม่มีก็เป็นปกติ เราเห็นว่าการมีหรือไม่มีเป็นธรรมดา ใจเราไม่รับเข้ามา และไม่ปรุงต่อ ให้เป็นไปธรรมดาอย่างนั้น หรืออารมณ์ที่ว่าราคะไม่มีตั้งแต่เริ่มต้น เพราะไม่มีอะไรที่เป็นอะไรเลย อารมณ์อย่างไหนถูกที่สุดคะ ?
ตอบ : ไม่มีตั้งแต่เริ่มต้นเพราะว่าใจไม่รับ ไม่ไปแตะต้องในสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ราคะเกิดขึ้น โทสะหรือโมหะก็เหมือนกัน รู้เท่าทันว่าสิ่งนี้จะสร้างราคะให้เกิดขึ้น รู้เท่าทันว่าสิ่งนี้จะสร้างโทสะให้เกิดขึ้น รู้เท่าทันว่าสิ่งนี้จะสร้างโมหะให้เกิดขึ้น ก็เลยไม่ไปแตะต้องสาเหตุแห่งการสร้างเหล่านั้น ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องบอกว่าท่านมี ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เหมือนเราเต็ม ๆ นั่นแหละ เพียงแต่ว่าท่านไม่ไปสร้างสาเหตุเสียอย่าง ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ก็หมดโอกาสที่จะเกิด

ถาม : การที่ใจเราทรงอยู่ในอารมณ์ที่ต้องการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นตลอดเวลาจนเป็นอารมณ์ฌาน ตรงนี้จัดเข้าในพรหมวิหารหรือไม่คะ ? ไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นพรหมวิหารอะไร รู้แค่ว่าเราจะทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นให้ได้ตลอดเวลา
ตอบ : มีส่วนของพรหมวิหารอยู่ด้วย เพราะว่าถ้าหากว่าไม่มีพรหมวิหารอยู่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ ให้สังเกตว่ามีพรหมวิหารอยู่หรือไม่ตรงที่ว่า แม้ตั้งใจช่วยเขา แต่ถ้าวาระและโอกาสยังมาไม่ถึง เราก็สามารถที่จะปล่อยวางได้ ไม่ใช่ดิ้นรนจะเป็นจะตาย ตัวเองลำบากอย่างไรก็จะช่วยเขา ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าขาดพรหมวิหาร ไม่ใช่ขาดพรหมวิหารเฉย ๆ เท่านั้น ยังขาดปัญญาอีกด้วย..!

ถาม : การโพสต์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ต้องใช้กำลังมากไหมคะ ? เพราะทุกครั้งที่ทำไป แทบหมดแรงตลอด เหมือนกับคนที่ใช้กำลังทุ่มไป ยิ่งอะไรที่เราเจาะจงว่าสงเคราะห์คนเป็นส่วนใหญ่ ยิ่งหมดแรงมากเป็นพิเศษค่ะ
ตอบ : ไม่ตายก็บุญแล้ว..! สิ่งที่เราทำผู้ที่ขวางก็มี ในเมื่อเขาขวาง เราก็ต้องใช้กำลังในการฝ่าฟัน คราวนี้การทำความดีเพื่อหนีเขา เขาก็ยิ่งขวางมาก เราก็ยิ่งลำบากมาก ยิ่งเหนื่อยมาก เมื่อใช้แรงในการฝ่าฟันมาก ก็ต้องหมดแรงกายแรงใจเป็นธรรมดา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-12-2011 เมื่อ 12:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา