ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 11-06-2009, 11:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,586
ได้ให้อนุโมทนา: 151,727
ได้รับอนุโมทนา 4,411,724 ครั้ง ใน 34,176 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๕๒

วันนี้ตรงกับวันที่ ๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๒ เป็นวันขึ้น ๑๓ ค่ำเดือน ๗ จวนจะกลางเดือน ๗ แล้ว

เมื่อครู่นี้ได้ฉันยาลงไป ญาติโยมเมตตาเอายาที่สกัดจากเม็ดมะรุมมาให้ บอกว่าฉันเข้าไปแล้วดี อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าคุณภาพจะออกมาอย่างไร แต่พอนึกถึงคำว่า "ยา" ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า คำว่ายา จริง ๆ มันแปลว่า ทำให้หายรั่ว อย่างสมัยก่อนเขามีการยาเรืือไม่ให้รั่ว

โบราณเขาบอกไว้เป็นสูตรว่า ยาเรือยาแพ..ยาด้านนอก ยาขันยาจอก...ยาด้านใน เพราะว่าขันหรือว่าจอกมันใส่น้ำด้านใน ถ้าเราไปยาด้านนอกแรงกดของน้ำมันจะทำให้พวกชันที่ยาเอาไว้มันหลุดหมด แต่ถ้าเรายาจากด้านใน แรงกดของน้ำจะยิ่งทำให้มันแน่นขึ้น แต่ขณะเดียวกันการยาเรือถ้าเรายาทางด้านใน แรงกดของน้ำจากด้านนอกจะทำให้รั่วได้ง่าย แต่ถ้ายาจากด้านนอก ยิ่งน้ำหนักกดทับเท่าไหร่ ยิ่งแน่นเท่านั้น

เมื่อนึกถึงตรงจุดแล้วนี้ พวกเรามันต้องยาข้างในเหมือนกับพวกขันพวกจอก เพราะว่าพวกเราปล่อยให้ตัวเองรั่วไหลมาก การปฏิบัติของเราจะก้าวหน้าหรือไม่ก้าวหน้า เราต้องสามารถรักษาอารมณ์ภาวนาให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เพื่อให้สภาพจิตของเราผ่องใสจากกิเลส ถ้ามันอยู่กับตัวภาวนาอยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้า กิเลสรัก โลภ โกรธ หลง จะกินใจเราไม่ได้ แต่ว่าเราไปปล่อยให้มันรั่ว ตาเห็นรูปก็ไหลไปตามรูป เมื่อได้ยินเสียงก็ไหลไปตามเสียง จมูกได้กลิ่นก็ไหลไปตามกลิ่น ลิ้นได้รสก็ไหลไปตามรส กายสัมผัสก็ไหลไปกับการสัมผัส ใจครุ่นคิดยิ่งไปกันใหญ่ ทำให้พลังงานที่เราจะสะสมไว้ เพื่อก้าวล่วงพ้นจากความทุกข์มันมีไม่เพียงพอ เนื่องจากมันรั่วอยู่ประจำทุกวัน

เมื่อตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรารั่ว เราก็ต้องยาให้มันแน่น ด้วยการอยู่กับอานาปานสติ คืออยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าของเรา หายใจเข้าก็รู้ตามเข้าไปว่ามันผ่านจมูก...ผ่านกึ่งกลางอก..ไปสู่ที่ท้อง หายใจออกจากท้อง...ผ่านอก....มาสิ้นสุดที่จมูก ประคับประคองความรู้สึกของเราเอาไว้เช่นนี้

เราเป็นพระโยคาวจร คือ ผู้มุ่งปฏิบัติเพื่อหวังความหลุดพ้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพธรรมพระพุทธเจ้า พวกเรานับเป็นธรรมเสนา ทหารในทางธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นทหารต้องเข้มแข็ง ต้องเด็ดขาด ต้องเอาจริงเอาจัง จะทำเหยาะแหยะอ่อนแอไม่ได้ เพราะถ้าเหยาะแหยะอ่อนแอ การฝึกของเราไม่เข้มแข็งพอ ถึงเวลาต้องปะทะกับกิเลส โอกาสที่จะตายมีสูงมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็ต้องฝึกอย่างเอาจริงเอาจังที่สุด อย่างดีที่สุด

พยายามกำหนดสติตามลมหายใจเข้าทุกระยะ รู้ตามลมหายใจออกทุกระยะ เป็นการปิดทวาร คือ ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ไม่ให้กำลังที่เราสั่งสมไว้รั่วไหลไปในเรื่องอื่น ถ้ามันรั่ว....รู้เมื่อไหร่รีบดึงมันกลับมา จัดการอุด จัดการยารูรั่วด้วยสติ ก็คือ อานาปานสติการรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ถือว่าตอนนี้เรากำลังฝึกตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับร่างกาย สร้างความเข้มแข็งให้แก่จิตใจ เพื่อเตรียมพร้อมที่จะรบกับกิเลส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-12-2009 เมื่อ 10:57
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา