"ในพระไตรปิฎกที่กล่าวถึงพระภิกษุลูกชายเศรษฐีที่ไปบวช เสร็จแล้วพ่อแม่รักษาสมบัติไม่ได้ โดนข้าทาสบริวารเพื่อนพ้องโกงจนหมดตัวกลายเป็นขอทาน พอทราบข่าวท่านก็ไปนำพ่อแม่มาเลี้ยงไว้ สร้างกระต๊อบในป่าให้อยู่ ได้ข้าวปลาอาหารมาให้พ่อแม่กินอิ่มก่อน เหลือเท่าไรตนเองก็ฉันแค่นั้น ได้ผ้ามาก็เอามาเย็บมาย้อมแล้วเอาให้พ่อแม่ตนเองนุ่งก่อน ตนเองก็เอาผ้าเก่าของพ่อแม่มาทำให้เสียสี เย็บย้อมเป็นจีวรเอามานุ่งห่ม ลำบากตรากตรำจนกระทั่งผอมดูไม่ได้เลย พระท่านก็ร่ำลือไปต่าง ๆ นานา
พอพระพุทธเจ้าทราบเหตุเข้าจึงต้องตรัสประชุมว่า พระภิกษุรูปนั้นทำถูกต้องแล้ว เพราะว่าพ่อแม่ถือว่าเป็นแดนเกิด ถ้าไม่มีท่านก็ไม่ได้เกิดมาจนกระทั่งได้บวช ได้พบพระธรรม แล้วทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ด้วยปัจจัยสี่ได้ตามสมควร คำว่า "ตามสมควร" ในที่นี้คือให้ท่านดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากมาก แต่ว่าในปัจจุบันมีหลายที่อยู่ในลักษณะว่าขนข้าวของเงินทองอะไรไปทุ่มเทให้กับทางบ้าน ทางครอบครัว
สมัยก่อนอย่างเณรคำ สร้างบ้านให้ ๒๐ ล้าน ซื้อที่ให้ ๒๐๐ ไร่ รถอีก ๑๐ กว่าคัน อันนั้นเกินสมควร ถ้าจะดูก็ต้องดูอย่างหลวงพ่อวัดคลองวาฬ เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หลวงพ่อเอียดท่านเอาแม่มาเลี้ยงดูอยู่ที่วัด เช้ามืดตีสามตีสี่ตื่นขึ้นมาเตรียมข้าวปลาอาหารให้แม่ พระเณรกราบเรียนว่า “หลวงพ่อไม่ต้องหรอก พวกผมทำเอง” ท่านบอกว่า “คุณไม่เคยอยู่กับแม่ผมมา คุณไม่รู้ว่าแม่ผมชอบอะไร” ท่านขอทำเองเพราะท่านรู้ นั่นเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
หลวงพ่อพระพรหมเวที เจ้าคณะภาค ๑๕ วัดพระปฐมเจดีย์ ถึงเวลาเขียนหนังสือใช้นามปากกาว่า “ลูกแม่ตุ้ย” เอาชื่อแม่ขึ้นเลย สร้างศาลาก็ชื่อ “ศาลาแม่ตุ้ย บุษบก” ท่านชื่อสุเทพ เขียนหนังสือใช้นามปากกา “สุเทพ ลูกแม่ตุ้ย” ฉะนั้น..ตัวอย่างของพระผู้ใหญ่ที่กตัญญูและกตเวทีต่อพ่อแม่ตัวเองต้องบอกว่ามีให้เห็นชัด
สมัยหลวงปู่ปานท่านก็เอาโยมแม่ของท่านมาเลี้ยงดูอยู่ ถึงเวลาก็อุ้มเข้าห้องน้ำห้องท่า ซักผ้าซักผ่อนให้ ตากอยู่ในศาลา พระอื่นก็ไปว่าท่าน ไปตำหนิท่าน ท่านก็บอกว่าท่านถือตามที่พระพุทธเจ้าอนุญาต ในเมื่อพระพุทธเจ้าอนุญาตให้เลี้ยงดูพ่อแม่ได้ท่านก็เลี้ยงดู เขาก็บอกว่าท่านเอาผ้านุ่งแม่ไปตากบนศาลา คนเดินข้างล่างก็ลอดไปลอดมา ท่านก็บอกว่าตอนเกิดมาคุณยิ่งกว่าลอดใต้ผ้านุ่งอีก..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2015 เมื่อ 17:55
|