ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 20-12-2010, 01:52
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,453 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default อย่าประมาทในเรื่องของกรรม

ยิ่งศึกษาไปจะยิ่งเห็นความน่ากลัวของกรรม ตราบใดที่ยังมีกรรมคือการกระทำอยู่ ตราบนั้นการเวียนว่ายตายเกิดก็ยังมีอยู่ จนกว่าเราจะหยุดการกระทำนั้นลงได้อย่างสิ้นเชิง คือต้องเป็นพระอรหันต์แล้วเท่านั้น ถึงจะหยุดการเวียนว่ายตายเกิดได้

กรรมนั้นน่ากลัวมาก พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า "อย่าประมาทเห็นว่าเป็นความชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วทำ และอย่าประมาทเพราะเห็นว่าเป็นความดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ" ทุกอย่างที่ทำให้ผลทั้งนั้น ต้องการหรือไม่ต้องการผลนั้นก็เกิด เราลงมือทำเมื่อไรก็ได้เรื่องเมื่อนั้น ฉะนั้น..เราต้องหยุดการกระทำให้ได้ โดยเฉพาะการทำชั่ว

ของพระอรหันต์ท่านก็มีการกระทำ แล้วกระแสกรรมนั้นขาดได้อย่างไร ? คำตอบคือ ของท่านจะเป็นการกระทำที่เหลือเพียงกิริยาเท่านั้น ตัวมายาไม่มี

ขนาดศีลของพระ พระพุทธเจ้าท่านยังให้สติวินัยกับพระอรหันต์ว่าเป็น "ปาปมุติ" คือ เป็นผู้ที่พ้นจากบาปแล้ว เจตนาที่จะล่วงศีลใหญ่ของท่านไม่มี แต่จริยาเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยความเคยชินเดิมของท่านนั้นยังมีอยู่

จึงต้องให้สงฆ์สวดประกาศสมมติให้กับผู้เป็นพระอรหันต์ว่า ให้เป็นผู้ทรงสติวินัย จะได้ไม่ต้องให้ใครไปโจทย์ว่าท่านต้องอาบัติ ท่านทำโดยกิริยาเฉย ๆ ตัวจิตที่จะไปปรุงแต่งให้เป็นทุกข์เป็นโทษ เป็นบุญเป็นบาปนั้นไม่มีแล้ว ท่านอยู่เหนือบุญเหนือบาปไปแล้ว ฟังแล้วเข้าใจไหม ? ถึงเวลาให้ไปคลำเองก็หาคงจะไม่เจอหรอก..!


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-09-2015 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 86 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา