พระอาจารย์กล่าวถึงพระที่วัดท่าขนุนว่า "ไม่แน่ใจว่าพระรุ่นนี้จะเป็นโชคหรือเป็นเคราะห์ของเขา เพราะอาตมาดันมีเวลาว่าง เนื่องจากเรียนจบแล้ว ฉะนั้น..ทุกวันนี้เขาจะได้ยินอาจารย์บ่นวันละสามเวลา
บางทีการที่เราฝึกฝนเขา เขาก็ไม่รู้ว่ากำลังศึกษาอะไรอยู่ จริง ๆ แล้วก็คือหลักมหาสติปัฏฐาน ให้เขาสังเกตการออกบิณฑบาต ถ้าหากเกิดอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ในช่วงนั้น จะสามารถคงสภาพจิตของตนเองไม่ให้ยินดียินร้ายได้หรือไม่ ? อย่างเช่นว่าเดินอยู่ท้ายแถว บังเอิญโยมเขามาใส่บาตร แล้วกับข้าวหนักมาก แต่เด็กวัดดันไปเดินอยู่หัวแถว ไม่ได้สนใจที่จะมาเก็บกับข้าวไป เพราะเขาไม่ได้มองกลับหลังมา เราจะถือบาตรเดินไปโดยดีหรือจะด่าพ่อด่าแม่เด็กวัดดี ? ตรงนี้ก็คือพวกจิตในจิต ธรรมในธรรม
มีบ้านของโยมคนหนึ่งที่เขาเป็นอัมพฤกษ์ แล้วเขาลุกนั่งไม่ได้ เวลาไปบิณฑบาตที่บ้านเขา บันไดจะชันมาก ๆ ขึ้นลงต้องระวังมากกว่าปกติหลายเท่า โดยเฉพาะตอนฝนตก ถ้าลื่นนี่เป็นเรื่องแน่นอน อาตมาบอกว่าให้ทุกคนสังเกตตัวเอง ขณะที่เดินอยู่ตามพื้นปกติกับตอนที่เดินขึ้นบันได ความรู้สึกต่างกันแค่ไหน ? ทำอย่างไรที่เราจะรักษาความมีสติรู้ระวัง เหมือนกับตอนขึ้นบันไดตรงนั้นให้ได้ตลอดเวลา
เพราะฉะนั้น..พระรุ่นนี้ถ้าหากเขาทำได้อย่างที่ต้องการ ก็คงจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติมาก แต่ถ้าคนไหนทำไม่ได้ก็จะโดนทิ้งห่างมากเลย ตามพวกไม่ทัน ตอนนี้ก็เลยถือเป็นภาระว่า ตอนอยู่วัดอย่างน้อย ๆ ตอนเช้า ตอนเพล หรือตอนทำวัตรเย็น ต้องมีการพูดคุยอะไรบางอย่างที่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา
รู้สึกว่าอยากทำ เพราะรุ่นนี้มีพระหลายต่อหลายรูปที่เขาตั้งใจปฏิบัติกันจริง ๆ รุ่นนี้เขายอมลำบาก ถึงเวลาฉันเพลเสร็จ ขออนุญาตเดินทางไปถ้ำทะลุโดยเท้า ระยะทางไม่ไกลเท่าไรหรอก ๒๕ กิโลเมตรเท่านั้น ไปกลับก็ ๕๐ กิโลเมตร บางรูปก็ขออนุญาตไปภาวนาอยู่คนเดียวในป่าที่ลึก ๆ สามวันบ้าง หนึ่งวันบ้างแล้วแต่กำลังใจ อาตมาก็อนุญาตทั้งหมด
แต่เตือนพวกท่านเอาไว้ว่า บวชใหม่ ๆ อย่าเพิ่งห่างครูบาอาจารย์ ตอนที่เป็นฆราวาสเราจะเก่งขนาดไหนก็ตาม อารมณ์ใจในตอนบวชจะไม่ใช่อย่างนั้น และโดยเฉพาะในเรื่องของศีล โอกาสพลาดเรามี พลาดเมื่อไรก็มีโทษเมื่อนั้น
นี่กำลังรอผลอยู่ว่าถ้าออกพรรษารับกฐินแล้ว ถ้าท่านสึกกันเกลี้ยงแสดงว่าทนอาตมาไม่ไหว แต่ถ้าท่านอยู่ต่อได้แสดงว่ามีความก้าวหน้า"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 25-05-2015 เมื่อ 08:39
|