ดูแบบคำตอบเดียว
  #24  
เก่า 08-09-2013, 12:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,629
ได้ให้อนุโมทนา: 151,867
ได้รับอนุโมทนา 4,413,775 ครั้ง ใน 34,215 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อุเบกขามีหลายอารมณ์ ?
ตอบ : เอาเป็นว่าอุเบกขามีหลายระดับ ระดับแรกก็คือเป็นอุเบกขาในสมาธิ ก็คือตัวเอกัคตารมณ์ ถ้าอุเบกขาในสมาธิ ก็แค่สามารถที่จะดับกิเลสได้ชั่วคราว ถึงเวลาถ้าสมาธิคลายกิเลสก็จะเกิดใหม่ แต่ถ้าเป็นอุเบกขาที่สามารถปล่อยวางตัดขาดได้จริง ๆ จะเป็นอุเบกขาที่เป็นตัวปล่อยวางจากการเกิดปัญญา รู้เห็นปล่อยวางเพราะเห็นความเป็นจริง เมื่อปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริง ไม่ไปแตะต้อง ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับต้นเหตุที่เกิดทุกข์ ทุกข์ทั้งหลายก็ไม่เกิดกับเรา

มีหลายส่วนอยู่ด้วยกัน แรก ๆ เราก็เอาอุเบกขาในฌานไว้ก่อน สามารถมีกำลังกดกิเลสอยู่ได้ ก็ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะก่อนหน้านี้กิเลสลากเราไปเรื่อยตลอดเวลา


ถาม : การคิดจนเป็นฌานสมาธิ ?
ตอบ : จะค่อย ๆ สะสมมาเอง ต่อให้เราค่อย ๆ คิด ท้ายสุดก็จะเป็นฌานเอง เพราะว่าจิตจะดิ่งเป็นสมาธิไปทีละน้อย ๆ ไม่อย่างนั้นคิดอยู่อย่างเดียวไม่ได้หรอก ต้องมีกำลังสมาธิมาช่วย

ถาม : การกระทบใจ ?
ตอบ : จะกระทบใจ จะกระทบกาย จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนอื่นหรืออะไรก็ตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สามารถที่จะรับในส่วนของข้อธรรมต่าง ๆ น้อมเข้ามาพิจารณา โดยเฉพาะเปรียบเทียบกับตัวเอง แล้วในที่สุด ถ้าปัญญาถึง สภาพจิตจะบอกเราเองว่าเราไม่เอาอีกแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2013 เมื่อ 18:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา