แต่ว่าหลวงตา (และพวกลูกคนอื่นๆ ด้วยละกระมัง) ไม่ปกติ ไม่ปฏิบัติตาม คิดตาม ทำตามที่พ่อสอนเป็นปกติวิสัย เวลานั้นหลวงตาบวชได้ ๕ พรรษา เป็นครูสอนมโนมยิทธิของวัดด้วย..เป็นพระวินัยธรสวดปาติโมกข์ด้วย เรียกว่าครบเครื่อง ! ...เรื่องคิดว่าตัวเองขลังพอตัว แล้วยังมีอีกคือจะเป็นพระรักษาอุโบสถ ปัดกวาดบำรุงรักษา เป็นพระพี่เลี้ยงฝึกนาค สอนซ้อมจนได้บวชและคอยแนะนำเรื่องวินัยระเบียบการอยู่ร่วมกันในชีวิตพระหลังบวชแล้ว
เอาละ! มาถึงจุดเกิดเรื่องเสียที... พระใหม่หรือก็เคารพนบฟังนับจำนวนเพิ่มขึ้น.. ญาติโยมที่มาฝึกกรรมฐานมโนมยิทธิก็ติดอกติดใจพากันตามมาที่กุฏิตอนกลางคืน กลางวันมาถามปัญหา มาฟังหลวงตาเล่าเรื่องหลวงพ่อ โอย..แน่นหนาฝาแตก บอกกันต่อ ๆ ไปว่าหลวงตาอยู่กุฏิติดกับเมรุ (ดูขลังไหมละ !) พูดจาพาทีฟังง่าย ดูเหมือนหลวงพ่อฤๅษีเสียทุกอย่าง (เห็นไหมล่ะ) พูดออกมารู้อกรู้ใจไม่ต้องเอ่ยปากถาม ค่ำลงหลังเวลากรรมฐานของสำนักเลิกแล้ว ก็จะส่งเสียงฮาครืน เสียงกรี๊ดถูกอกถูกใจ และเสียงร้องไห้ปลื้มปีติในอารมณ์ของบางคนบางคืน ลูกหลานเอย.. คนก็มารวมกันมากขึ้นตามวันเวลา ตามศรัทธาบริสุทธิ์ของเขา แต่เราสิลูก ! .. หลวงตาของลูกหลานกลับติดใจ อิ่มใจในการทำหน้าที่..ตอบคำถาม.. เล่าเรื่องพ่อ..และรับแขกส่วนตัว ลาภก็เพิ่มพูน ดูขลังเต็มตัวละตอนนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ทาริกา : 29-07-2009 เมื่อ 16:31
|