ดูแบบคำตอบเดียว
  #60  
เก่า 17-12-2015, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,743 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อปรีชาอาจารย์ของคุณ ท่านเรียนปริญญาโทรุ่นเดียวกับอาตมา ท่านเรียนไปโยมก็มาหาไป เห็นแล้วเหนื่อยแทน เลิกเรียนก็ต้องวิ่งตามที่โยมเขานิมนต์ไป ได้กลับวัดกลับวาก็ดึกดื่นเที่ยงคืนทุกคืน แม่ชีทศพรก็เหมือนกัน พอถึงเวลาพวกเราไปเข้ากรรมฐาน แม่ชีอุตส่าห์ทิ้งงานไปเพื่อสงเคราะห์เลี้ยงพระ โยมก็แห่ไปทุกวัน พ้นจากหน้าครัวมาก็ต้องมารับโยม ๑๐-๒๐ คน เพราะว่าบางทีผู้หญิงเขาคุยกันเองง่ายกว่า ก็คือไม่ใช่เรื่องที่ท่านอยากจะทำ แต่ก็ต้องทำไป เพราะว่าคนเราหาที่พึ่งยากขึ้นเรื่อย

โดยเฉพาะบุคคลที่มาทางสายพุทธภูมิ เหมือนกับต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต จึงไม่มีงานอะไรที่สำคัญกว่านี้อีกแล้ว เพราะการสงเคราะห์ผู้อื่น เท่ากับเป็นการสร้างบารมีตัวเอง

อาตมาถึงขนาดหนีเข้าป่าไปแล้วก็ไม่รอด ต้องออกมาจนได้ คนที่มาหาเราก็คืออดีตเคยผูกพันกันมา ไม่ว่าฐานะใดฐานะหนึ่ง อาจจะพ่อแม่ พี่น้อง ลูกเมีย เพื่อนฝูง ครูบาอาจารย์ ถึงเวลาเขามาแล้วเขาศรัทธาเลื่อมใส ลำพังเขาก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ดันบอกต่อ ๆ ไปเรื่อย

อาตมาต้องทิ้งวิชาหมอดูไปก็เพราะอย่างนี้แหละ ปล่อยให้หลวงพ่อปรีชาเหนื่อยตายไปคนเดียว เล่นมาแล้วไม่ฟังเลยว่าเราจะกินจะนอนอย่างไร เขาจะเอาแต่เรื่องของเขา เพราะฉะนั้นถ้าซินแสไปรับงาน เอาแค่ตามกำลังของเรา หรือไม่ก็กำหนดให้เป็นเวลาแน่ ๆ ว่าช่วงเช้ารับได้ถึงกี่โมง บ่ายกี่โมง ค่ำถึงกี่โมง ไม่อย่างนั้นเขามาตลอด อาตมาเองต้องเลิกใช้โทรศัพท์ก็เพราะอย่างนี้ ดึกดื่นเที่ยงคืนเขาไม่นอน เขาก็คิดว่าเราไม่นอน เขาก็โทรมาถาม กำลังฉันเพลเขาก็โทรมา “โยม...พระฉันเพลอยู่” เขาบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ขอ ๕ นาที” ไม่เป็นไรของเอ็ง แต่พระมีเวลาฉันแค่พักเดียว

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-12-2015 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา