ดูแบบคำตอบเดียว
  #53  
เก่า 15-06-2009, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ได้ยกเรื่องราวของบุคคลสมัยพุทธกาลที่เกี่ยวข้องกับตุ้มหูมาให้ฟัง ดังนี้

"ตุ้มหู บางคนก็เรียกต่างหู แต่ในพระไตรปิฎกถ้ากล่าวถึงตุ้มหูมีคนดังอยู่สองท่าน ท่านแรกเป็นตัวอย่างที่ดีก็คือ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตร

มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเป็นลูกเศรษฐี แต่พ่อขี้เหนียวอย่าบอกใครเลย ในเมื่อพ่อขี้เหนียว แม้แต่เครื่องประดับของลูกก็ไม่ใช้ทองเหมือนบ้านอื่นเขา แกไปเอาไม้มากลึงเป็นตุ้มหูแล้วขัดเสียเงาวับ ให้ลูกใส่ เขาก็เลยเรียก
มัฏฐกุณฑลี แปลว่า ผู้มีต่างหูเกลี้ยง

เนื่องจากมัฏฐกุณฑลีเป็นลูกเศรษฐี จึงอาละวาดตามใจชอบ ความชั่วทุกประเภทมีอะไรทำหมด ดูแล้วสมควรลงนรกเป็นอย่างยิ่งแต่กลับไม่ได้ลง ทีนี้ด้วยความที่ตัวเองเที่ยวมาก ก็เลยป่วยหนัก พ่อก็กลัวว่าถ้าญาติมาเยี่ยมแล้วเห็นทรัพย์สินเงินทองจะเอ่ยปากขอ ก็เลยเอาลูกไปวางทิ้งไว้ที่ระเบียงนอกชาน หายารักษาตามมีตามเกิด อาการก็ไม่หายมีแต่หนักขึ้น ๆ


พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านไปพร้อมกับพระอานนท์ ไปบิณฑบาต เห็นมัฏฐกุณฑลีเข้าก็เลยรู้วิสัยของคน ๆ นี้ อย่างน้อยก็จะได้ประโยชน์จากการปรากฏของท่าน ก็เลยเปล่งฉัพพรรณรังสีไปปรากฏเฉพาะหน้า มัฏฐกุณฑลีก็แปลกใจว่าแสงอะไร ป่วยจนไม่มีแรงก็พยายามเอียงคอมอง เห็นพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านไปก็ทราบว่าพระสมณโคดม รู้จัก...แต่ไม่เคยทำบุญด้วย ทำแต่ความชั่วทุกชนิด

ทีนี้วาระสุดท้าย มัฏฐกุณฑลีก็คิดว่า ใคร ๆ เขาว่าพระสมณโคดมเก่งมาก ถ้าหากว่าได้ท่านมารักษาเราน่าจะหาย คิดอย่างนั้น ก็เลยน้อมจิตนึกถึงพระพุทธเจ้าด้วยความเลื่อมใส พอดีตายตอนนั้น ไปเป็นเทวดา


คราวนี้คนเป็นพ่อ
อทินนกปุพพกพราหมณ์ พอลูกตายเอาไปป่าช้า ไปร้องไห้เสียดายลูก ส่วนมัฏฐกุณฑลีเทพบุตรขึ้นไปเกิดอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองคำ ก็คิดว่าเราทำความดีอะไรนะ ถึงได้มีสมบัติขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยทำ ก็เลยรู้ว่าเกิดจากการระลึกถึงพระพุทธเจ้า พุทธานุสติเพียงช่วงไม่กี่วินาทีก่อนตาย

มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเห็นพ่อร้องไห้ในป่าช้าก็เลยจะไปจัดการเสียหน่อย ว่าแล้วก็แปลงร่างหน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง มาถึงก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นบ้าง อทินนกปุพพกพราหมณ์คิดถึงลูก อยู่ ๆ ได้ยินเสียงร้องไห้ก็หันไปดูว่าเป็นเสียงใคร เราร้องไห้เพราะลูกตาย ก็เลยถามพ่อหนุ่มร้องไห้ทำไม

พอเจ้าหนุ่มหันหน้ามา ปรากฏว่าหน้าตาเหมือนลูกชายตัวเอง แกก็เลยยิ่งคิดถึงลูกเข้าไปใหญ่ มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรบอกว่า "ข้าพเจ้ามีรถอยู่คันหนึ่ง ช่างเขาประกอบได้วิจิตรสวยงามมาก แต่ว่าไม่มีล้อ ตอนนี้อยากได้ล้อรถ" อทินนกปุพพกพราหมณ์ก็เห็นว่า ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับลูกตัวเอง หน้าตาคล้ายคลึงมากก็เลยคิดว่า ถ้าหากหนุ่มนี้อยู่ก็เหมือนกับว่าเป็นลูกของเรา ก็บอกว่า "เจ้าอยากได้ล้อรถแบบไหน เราจะให้ จะเป็นล้อทองคำ ล้อแก้วมณีก็จะให้"


มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรเซ็งเลย ตอนมีชีวิตอยู่พ่อขี้เหนียวไปทุกอย่าง ตอนตายใครไม่รู้โผล่มาจะให้แม้กระทั่งแก้วมณี ก็เลยบอกว่า "ล้อรถที่อยากได้ไม่ใช่แก้วมณีหรอกครับ อยากได้พระอาทิตย์กับพระจันทร์มาเป็นล้อรถ" อทินนกปุพพกพราหมณ์ได้ฟังก็ฉุนขึ้นมา บอกว่า "บ้าหรือเปล่า ของมันอยู่บนท้องฟ้า จะเอามาทำล้อรถได้อย่างไร?"

มัฏฐกุณฑลีเทพบุตรที่แปลงมาเป็นชายหนุ่มบอกว่า "ถ้าผมบ้าลุงก็บ้าด้วย ถึงผมจะเอาพระอาทิตย์พระจันทร์มาเป็นล้อรถ ผมก็ยังมองเห็น แต่ลูกของลุงที่ตายไปแล้ว ลุงอยากให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ ลุงเห็นหรือเปล่าว่าลูกอยู่ไหน?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-06-2015 เมื่อ 12:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา