ดูแบบคำตอบเดียว
  #7  
เก่า 21-12-2013, 15:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,479
ได้ให้อนุโมทนา: 151,127
ได้รับอนุโมทนา 4,404,815 ครั้ง ใน 34,068 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในหนังสือสมบัติพ่อให้เขียนว่า พุทธาภิเษกที่ตึกรับแขก วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ซึ่งเป็นพิธีพุทธาภิเษกพระพุทธรูปบูชา แต่คุณวิมาลี ศิรประภาชัยได้ขออนุญาตหลวงพ่อนำส่วนที่สร้างถวายเข้าพิธีนี้ด้วย วันรุ่งขึ้นก่อนหลวงพ่อรับแขกท่านเล่า “เมือคืนปลุกเสกพระหมาไม่หอน งวดนี้ไม่ให้หมาเห็น เพราะ ๒ งวดก่อนให้หมาเห็นเห่ากันเจี๊ยวจ๊าว รุ่นนี้แอบไม่ให้หมาเห็น เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ ใครทำไม่ดียันกลับหมด” ผมอ่านคำสนทนาของพระอาจารย์ ณ บ้านอนุสาวรีย์ พ.ศ.๒๕๔๔ เห็นว่าหลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านให้เข้าพิธีใหม่ ผมขอโอกาสถามว่า ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านบอกว่า “เมื่อคืนปลุกรุ่นยันกลับ” คือรุ่นไหนครับ ?
ตอบ : เมื่อคืนอาตมาหลับ ก็เลยไม่รู้ว่ารุ่นไหน..!

ถาม : แล้วรุ่นยันกลับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงทำนี่รุ่นไหนครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องเลือกรุ่นหรอก ถ้าใครมาใกล้ ๆ ก็ยันได้ทุกคนแหละ..!

ถาม : ที่หลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๓ เป็นล็อกเก็ต มีลักษณะไหนครับ ใช่เหรียญของขวัญวันเกิดรุ่นสุดท้ายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เห็นทางวัดท่าซุงเขาบอกว่ารุ่น ๓ คือรุ่นที่เป็นเหมือนพระพุทธชินราช

ถาม : แต่ล็อกเก็ตนี่คือรุ่นสุดท้ายใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่จะนับ เหมือนกับการสังคายนาพระธรรมวินัย บางรายก็นับไป ๗ - ๘ ครั้ง บางรายก็นับแค่ ๓ ครั้ง แล้วแต่ว่าเชื่อตรงไหน

ถาม : แล้วมีข้อสรุปไหมครับว่าตกลงมีมาแล้วกี่ครั้ง ?
ตอบ : นักวิชาการเอาแค่ ๓ ครั้งแรก

ถาม : แล้วทำไม ๔ ครั้งหลังนี่เขาไม่นับล่ะครับ ?
ตอบ : นอกจากหลักฐานไม่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นการแค่ทวนความเฉย ๆ การสังคายนาต้องมีสาเหตุที่จะทำเพื่อความบริสุทธิ์ของพระธรรมวินัย แต่การสังคายนาครั้งที่ ๔ และ ๕ เป็นการทวนความเฉย ๆ ไม่ได้มีสาเหตุ

ครั้งที่ ๑ สาเหตุคือการจาบจ้วงพระธรรมวินัยของสุภัททปริพาชก ครั้งที่ ๒ เป็นการไม่เสมอกันในศีลของภิกษุชาววัชชี ที่ไปตีความเองว่าน่าผ่อนผันได้อย่างนั้นอย่างนี้ ครั้งที่ ๓ มีพวกเดียรถีย์ปลอมบวชเข้ามามากแล้วอ้างพระธรรมวินัยผิด ๆ ส่วนครั้งที่ ๔ - ๕ นั้น ท่านทำลักษณะทวนของเก่า เหมือนอย่างกับว่าสวดดูว่ายังจำได้ไหม ไม่ได้มีสาเหตุในการปกป้องพระธรรมวินัย

การสังคายนาพระธรรมวินัยคือการทบทวนว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ อันดับแรกถ้าได้บุคคลที่ทันในยุคสมัยนั้นได้ยิ่งดี เพราะจะได้ยืนยันในคำสอนนั้น ๆ อันดับที่ ๒ ผู้ที่เข้าร่วมในการสังคายนาพระธรรมวินัยควรจะเป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ เพราะว่าทุกท่านสามารถที่จะติดต่อตรงกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถยืนยันคำสอนนั้นได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ ดังนั้น..ก็เลยมีแบบธรรมเนียมปฏิบัติในลักษณะที่ว่า อย่างน้อย ๆ บุคคลที่เข้าสังคายนาก็ควรจะเป็นพระอรหันต์ระดับปฏิสัมภิทาญาณขึ้นไป

ส่วนเมื่อไม่กี่วันก่อนที่มีข่าวว่าขุดพบอาคารสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เอาไปพิสูจน์อายุของเนื้อไม้ตามแบบที่ฝรั่งเขาเรียกว่าคาร์บอน ๑๔ ได้อายุออกมา ๖๒๕ ปี (ก่อนคริสตกาล) ก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้าอาจจะเกิดก่อนหน้าที่พวกเราเชื่อถือกันเป็น ๑๐๐ ปี ว่าอย่างนั้น แต่อาตมาดูแล้วไม่เห็นมีอะไรต่างเลย เพราะว่าปัจจุบันของเราอายุพุทธศาสนาก็คือมากกว่าศาสนาคริสต์ ๕๔๓ ปี ถ้าบวกอายุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไป ๘๐ ปีก็คือ ๖๒๓ ปีพอดี ก็แปลว่าไม่มีอะไรผิดพลาดไปจากที่เขาวิเคราะห์ออกมา

ฉะนั้นไม่ใช่ข่าวใหญ่ แล้วก็ไม่ใช่ข่าวใหม่ แต่รู้สึกว่าแวดวงวิชาการเขาตื่นเต้นกันมากว่าเป็นของใหม่ จะต้องปรับเรื่องวัน เดือน ปีในการประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งไกลเกินไป เขาบอกว่าอายุไม้นั้นเกิดก่อนคริสตศักราชประมาณ ๖๒๕ ปี คราวนี้พอเราเอา ๕๔๓ บวกด้วย ๘๐ ได้ ๖๒๓ ต่างกัน ๒ ปีเท่านั้น ไม่ทราบเหมือนกันว่าฝรั่งจะโม้ว่าวิธีการของเขาแม่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่อาตมาไม่เห็นความต่างของ ๒ ปีเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2013 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา