ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 21-06-2018, 21:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...เราจึงจำเป็นที่ต้องมาตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าสติ สมาธิของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก นิวรณ์จะเข้ามาไม่ได้ การที่ให้พวกเราซักซ้อม โดยเฉพาะอยู่กับลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา ก็เพื่อป้องกันนิวรณ์กินใจของเรา สภาพจิตของเราจะได้เบา จะได้บาง จะได้โปร่ง ปัญญาจะได้เกิด รู้ว่าจะประคับประคองสภาพจิตของเราอย่างไร จึงจะรักษาความผ่องใสไว้ได้

หลังจากนั้นให้มาพิจารณาดูว่าตั้งแต่ปฏิบัติมานั้น สภาพจิตของเราละกิเลสลงได้บ้างหรือไม่ ? ก็คือมี อัปปิจฉตา ความมักน้อยเกิดขึ้นหรือเปล่า ? หรือยังมักได้ อยากได้ อยากมี อยากเป็นในทุกเรื่อง มีสันตุฏฐิตา ความสันโดษ รู้จักยินดีตามมีตามได้หรือไม่ ? มีสัลเลขตา คือรู้จักขัดเกลากาย วาจา ใจ ของตนให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ ?

ปวิเวกตา มีการปลีกตัวออกจากหมู่หรือไม่ ? เพราะว่าถ้าตราบใดที่เรายังคลุกคลีอยู่กับหมู่คณะก็ทำให้ต้องพูดมาก การพูดมากทำให้สภาพจิตของเราฟุ้งซ่าน เมื่อสภาพจิตฟุ้งซ่านย่อมห่างไกลจากสมาธิ เป็นต้น มีอิทมัฏฐิตา การแสวงหาธรรมเป็นเครื่องหลุดพ้นหรือไม่ ?

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นตัววัดคุณธรรม วัดความดีในใจของเรา ว่าเรามีความก้าวหน้าในการปฏิบัติเท่าไร และต้องเตือนตนอยู่เสมอ ๆ ว่าวันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่อีก เราต้องทำกาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้ เราเป็นผู้ยินดีในที่สงัดหรือไม่ ? ตัวเรามีคุณวิเศษอะไรบ้าง ? ที่เป็นผลจากการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นฌาน เป็นวิโมกข์ เป็นวิมุตติ เป็นมรรค เป็นผล มีสักอย่างหนึ่งที่พอจะยกขึ้นมาเป็นคุณความดีในการปฏิบัติอย่างแท้จริงหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-06-2018 เมื่อ 03:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา