ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 30-08-2017, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,069
ได้รับอนุโมทนา 4,399,743 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๐

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตนเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ สิ่งที่อยากจะบอกกล่าวพวกเราในวันนี้ ก็คือ การปฏิบัติธรรมนั้น เราทำแล้วต้องหวังผล เพราะถ้าเราทำแล้วไม่หวังผล ก็จะอยู่ในลักษณะ "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง"

เราต้องมีสติระลึกรู้อยู่เสมอว่า เราอาจจะต้องตายลงไปภายในวันนี้ ถ้าหากว่าเราตายลงไปในวันนี้ คติคือที่ไปของเรา แน่นอนแล้วหรือไม่ ? ถ้าหากว่าคติคือที่ไปของเรา ยังไม่แน่นอน แล้วทำอย่างไรที่จะเร่งรัดให้ที่ไปของเรามีความแน่นอน ก็อยู่ที่ว่าเราต้องตั้งหน้าตั้งตารักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นล่วงศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นล่วงละเมิดในศีลนั้น ๆ

ในระยะแรกสติสัมปชัญญะของเรายังไม่สมบูรณ์ ความระมัดระวังตัวย่อมบกพร่อง โอกาสที่ศีลจะขาดก็มีมาก วิธีสังเกตว่าศีลของเราขาดหรือไม่ขาดอย่างแท้จริง ให้ดูว่าเรารู้ว่าสิ่งนั้นผิดศีลหรือไม่ ? เมื่อรู้แล้วเราตั้งใจละเมิดหรือไม่ ? ละเมิดแล้วสำเร็จสมดังเจตนาหรือไม่ ? ถ้าหากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ผิดศีล เราตั้งใจล่วงละเมิด เรากระทำสำเร็จ ส่วนใหญ่แล้วนี่จะเป็นหลัก ๆ ในการพิจารณาว่าศีลของเราขาดหรือศีลของเราพร่อง ถ้าหากว่าศีลของเรายังพร่องอยู่ ไม่บริสุทธิ์บริบูรณ์ โอกาสที่เราจะพ้นจากอบายภูมิก็มีน้อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2017 เมื่อ 02:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา