ชื่อกระทู้: อัศจรรย์โลกใบนี้
ดูแบบคำตอบเดียว
  #215  
เก่า 03-02-2011, 08:30
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,554 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

*ต้องกำหนดรู้ มีศรัทธาความดี ใครมาชักจูงไม่ได้ ต้องมีการสำรวมระวังใจอยู่ตลอด อย่าให้สัญญากามเข้ามาแทรกแซง อย่าให้สัญญาวิตกเข้ามาแทรกแซง อย่าเป็นคนที่มีธุลีในดวงตามากจนมองไม่เห็นกรรม มันจะสาย มันจะแก้ไขไม่ทัน แก้ไม่ได้ แก้ไม่หมด แก้ไม่ถูก แก้ไขผิด ๆ แยกไม่ออก ใจไม่แยกสเปโตภูมิ (ภูมิของเปรต) มันอันตราย เราอย่าเหมือนชนทั้งหลายที่มืดบอดด้วยอวิชชากัน จงตื่นจากอวิชชาที่ทำให้มืดมัว ไม่สว่างทำให้เลือนลางบดบัง จงทำลายแล้วเปิดทางให้วิชชาเข้ามาทำหน้าที่แทน*

ด้วยการกระทำเช่นนี้จึงได้มาซึ่งคุณลักษณะ “ยอดคน เหนือคน เหนือตน” แล้วเราล่ะ จะเป็นยอดคนเถื่อนอย่างนั้นหรือ คิดให้ดี คิดให้รอบคอบ คิดให้ละเอียด อย่าคิดอย่างมีมิจฉาทิฏฐิ ให้คิดอย่างมีสัมมาทิฏฐิ ใช้ปัญญาคิด อย่าใช้อารมณ์คิดจะผิดพลาดตลอดชีวิต ทิฏฐิจะเกาะกินใจเราจนกลายเป็นอุปาทาน ยึดมั่นถือมั่น ไม่ปล่อยวาง ดีชั่วไม่รู้ หากยึดมั่นอยู่ในความดีก็ปลอดภัย หากยึดมั่นถือมั่นในความชั่วก็อันตรายต่อภูมิ ต่อตน ต่อชาติของเราเอง อุทธรณ์ร้องทุกข์กับใครก็ไม่ได้ ไม่มีทนายให้จ้างว่าความ กรรมเป็นทนายเป็นผู้พิพากษาเอง มีความเด็ดขาด เที่ยงตรง เที่ยงธรรม ไม่เอนเอียง ไม่เข้าข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ลดหย่อนผ่อนปรน

เมื่อเราพอกพูนมุ่งมั่นและกระทำอยู่กับกรรมนั้น ๆ ไม่ถอย ไม่ถอนตัว ถ้ากรรมดีก็อย่าถอย อย่าถอนตัวให้พอกพูน ให้กระทำอยู่กับกรรมดีนั้น ๆ อย่างเอาจริงเอาจัง อย่างเอาเป็นเอาตาย

ถ้าในทางตรงกันข้าม ให้เราถอนตัวทันทีทันใด ทันเวลา ทันเหตุการณ์ เรื่องยังไม่ยุ่ง อย่าให้ยุ่งเหมือนเส้นไหม เมื่อยุ่งแล้วแก้ยาก มันยุ่งเพราะกรรมได้กระทำต่อชีวิตเรา


จะบอกอย่างไรหนอ? ถึงจะเข้าใจ ถึงจะปฏิบัติเพื่อให้รางวัลชีวิต แสวงหาสันติให้เจอ อยู่กับสันติ กินอยู่กับสันติ เดิน นั่ง ยืน นอนอยู่กับสันติ เท่านี้ก็น่าจะพึงพอใจในระดับหนึ่ง ในระดับพื้น ๆ เท่านี้ก็มีคุณค่า มีประโยชน์ต่อตัวเราและผู้อื่น หาสันตินอกกายนั้นไม่มี หาสันติในกาย ในจิตของเรานี่แหละ ไม่ต้องไปไกล ไม่ต้องเดินทาง เพียงละมานะ ละจริตที่เห็นผิด ๆ มีความเห็นชอบ เห็นถูก เห็นตรงเท่านั้น เราก็จะพบ พบแล้วรู้จัก เข้าใจ จิตมันจึงรับได้ มองเห็นคุณค่าได้ จึงต้องหาสันติในจิตมานึกคิดให้มากขึ้น มองเห็นคุณค่าของสันติ

จิตนั้นมีสัญญารู้อยู่ บางครั้งเหมือนสงบอยู่แต่จิตมันป่วย ทุกข์มันแล่นเข้ามาอันเป็นสัญญาทุกข์ เข้ามาเสียดแทง ทิ่มตำ ทำลาย กระทบ กระทุ้งให้กระวนกระวาย เข้ามาทำลายสัญญาสุข ความสงบก็สลายไป จิตจึงติดอยู่กับกามไม่สามารถทำกามนั้นให้สงบลงได้ ให้ดับลงได้

มันเกิดภพเกิดชาติภายในจิตด้วยอำนาจของสัญญากาม ด้วยสัญญาสมมติบัญญัติ จิตจึงอาพาธ (ป่วย) อยู่กับสัญญากามฉันทะ มีความพึงพอใจทะยานอยากอยู่กับความปรารถนาในกามนั้น ๆ อยู่ตลอด ไม่ดับสูญ เกิดนิวรณ์ในกามทั้งห้าประการ เราจึงต้องจับมารนึกคิด ตรึกตรอง ให้มองเห็นโทษ เห็นภัย เห็นความร้ายกาจ เห็นความยุ่งยาก เห็นความสับสนวุ่นวายของชีวิต จนจิตรู้เข้าสู่กระแสนั้นแล้วถอยออกมาเพราะมองเห็นโทษ เห็นความร้ายแรงที่มาทำลายความสงบ ทำลายความสันติในชีวิต จิตจึงจะหยุดอาพาธ (ป่วย)

เวลารูปกายมันป่วยเรายังต้องรักษา แสวงหาโอสถให้ถูกกับโรค ค้นหาสมมติฐานที่มาของโรคให้ร่างกายต้องเสื่อมสูญคุณภาพที่ดี เมื่อค้นพบก็จ่ายยา ทำการทดลองอย่างเอาจริงเอาจังกับการสกัดสารเคมีมาบำบัดทำลายโรคนั้น ๆ ต้องเสียเวลา เสียเงินสร้างเครื่องมือ คิดค้น เอาชนะโรคร้ายทั้งมวล เป็นความพยายามทุก ๆ อย่าง เพื่อรักษารูปกายให้มั่นคง คงทนอยู่ จิตก็เช่นเดียวกัน มันอาพาธ (ป่วย) เพราะเหตุอันใดจึงต้องทำการศึกษาค้นหา จะดับอาการเหล่านั้นได้อย่างไร มีอะไร วิธีการอย่างไร จะต้องจ่ายยา (หัวข้อธรรม) ให้ตรงกับอาการป่วยของจิตเช่นกัน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา