ชื่อกระทู้: อัศจรรย์โลกใบนี้
ดูแบบคำตอบเดียว
  #59  
เก่า 07-07-2010, 08:04
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

หากละอัตตาไม่ได้ อนิจจังก็บังเกิด ทุกขังก็ตามมา อนัตตาก็ดับไปเช่นนี้ เป็นอย่างนี้ตลอดไป เวียนว่ายในวัฏฏะตลอดไป ไม่มีที่สิ้นสุด กฎแห่งกรรมนั้นมีความยุติธรรม เที่ยงธรรมเสมอภาคกันทุกคน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกเพศวัย ต้องพบปะกับทุกคนไม่วันใดก็วันหนึ่ง ต้องมาถึงเราแน่นอน

จึงสมควรเตรียมใจสร้างสติให้เป็นมหาสติ เตรียมตัวเสียก่อน ก่อนจะถึงวันนั้น จะได้ไม่กลัว จะได้ไม่อาวรณ์กับร่างกายที่เราอาศัยเขาอยู่ พร้อมเสมอที่จะไป พร้อมเสมอที่จะอยู่ พร้อมเสมอที่จะพบเหตุการณ์ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเราจะไปไหน รู้แต่ว่า เมื่อเราทำดีย่อมรู้ว่าไปภูมิภพที่ดี เมื่อทำไม่ดีไว้ย่อมไปภูมิภพที่ไม่ดี ไปที่ทุกข์ยากลำบากยากเย็นเข็ญใจ ได้รับทุกข์ทรมานแน่แท้

ถ้ารู้อย่างนี้ เราต้องเตรียมตัวเพื่อตาย เรามีทางเลือก เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ดีกับชั่วให้เลือกเอา เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่เราจะเรียกหา เมื่อทำดีย่อมไปดี ทั้งในปัจจุบันและอนาคตภพ เมื่อทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว ทั้งปัจจุบันภพและอนาคตภพเช่นกัน

ขอจงใช้ปัญญาพิจารณาให้ถ่องแท้ อย่ามัวหลงผิด “คิดผิด ให้คิดใหม่” ยังไม่สาย เมื่อรูปนี้ยังไม่แตกดับเรียกว่า มัจจุราชยังให้โอกาสอยู่ กำลังเปิดโอกาสให้ คิดได้แล้ว ลงมือปฏิบัติธรรม เจริญกรรมฐาน อย่ามัวรีรอ เงื้อง่าราคาแพงอยู่ ตัดสินใจให้เด็ดขาด จะไปดี ไปไม่ดี แล้วอย่าเสียใจ เราตัดสินชีวิตของเราเอง เลือกทางเดินเอง อย่าโทษผู้อื่น

ปัจจุบันที่เราพบเหตุการณ์ในชีวิตของเรา ล้วนเป็นการแสดงผลกรรมจากอดีตของเราทั้งสิ้น ไม่มีใครกลั่นแกล้งเรา เราสร้างมันมาเอง เราสะสมกรรมดี กรรมชั่วมาเองทั้งสิ้น เมื่อรู้แล้วรีบแก้ไข ไม่มีคำว่า “สายไปเสียแล้ว คนที่คิดว่าสายไปเสียแล้ว คือ คนตายแล้วเท่านั้น เพราะไม่มีโอกาส ไม่มีเวลา เรียกก็ไม่ขาน วานก็ไม่ทำ หมดเวลาจริง ๆ พึงระลึกเสมอว่า ชีวิตนี้น้อยนัก จะทำอะไรให้รีบทำเสีย จะได้ไม่เสียใจภายหลัง อย่าเรียกหาให้คนอื่นมาช่วย ขอจงช่วยตนเองเถิด จะบังเกิดผลแน่แท้”

ขณะที่พวกเรานั่งรอบกองไฟ ซึมเศร้า เสียใจ รุ่มร้อน อยู่ในใจกันทุกคน หน้าตาแต่ละคนล้วนบอกอาการต่าง ๆ กันอยู่นั้น พวกเราขนลุกขนพองตกใจกันทั่วหน้า ได้ยินเสียงหลวงพ่อถามว่า "ทำอะไรกันอยู่? ร้องไห้ทำไม?" เราเห็นหลวงพ่อลุกขึ้นจากกองไฟที่กำลังมอดลง เหลือแต่ถ่านลุกแดงอยู่ที่ตัวหลวงพ่อ ควันฟุ้งไปทั่วตัว ทุกคนตะลึงกันไปหมด

ได้ยินเสียงจากกองไฟ ร้องไห้กันทำไม? ไม่ต้องเสียใจ? ท่านย้ำอีกครั้ง หลวงพ่อยังไม่ตายหรอก เพียงแต่อยากเผาสังขารเก่าทิ้ง!!! เอาสังขารใหม่กลับมาเท่านั้น !!!

พวกเราต่างเข้ามากราบแทบเท้าของท่าน เมื่อท่านออกจากกองไฟ น่าประหลาดนัก มันเป็นการแก้ความลังเลสงสัย ทิฏฐิมานะในจิตใจของข้าพเจ้า ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด พยศในจิตเริ่มคลาย แม้จะไม่หมดเสียทีเดียว ทั้งนี้เพราะศรัทธาเข้ามาแทนที่ ความลังเลสงสัยอยากพิสูจน์ของข้าพเจ้าให้ลดน้อยลง เบาบางไป ได้สอบถามหลวงพ่อว่า "ทำได้อย่างไร?" ท่านตอบว่า "จะยากอะไร เมื่อฝึกจิตถึงระดับหนึ่ง จิตก็จะมีอิทธิฤทธิ์ ทำได้ทุกคน หากสามารถเดินฌาน ๑-๔ ได้สมบูรณ์ เจริญวสีได้ สร้างความชำนาญในการเดินฌานได้ดีแล้ว ย่อมทำได้เหมือนกันไม่ว่าพระหรือฆราวาส"
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 76 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา