เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๙
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม จะจับการกระทบของลมจุดเดียว ๓ จุด ๗ จุดก็ตามแต่ที่เคยทำมา
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เมื่อครู่ที่ได้กล่าวถึงความถนัด ความชำนาญในการเข้าออกฌาน ในการสลับฌาน ในการทรงฌานตั้งเวลา การที่เราจำเป็นต้องฝึกซ้อมให้คล่องตัวขนาดนั้น ก็เพราะว่าถ้าเราเผลอสติแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว กิเลสจะสามารถแทรกเข้ามาในใจเราได้ทันที ถ้าเราไม่มีความชำนาญในการเข้าออกฌาน เราจะรับมือกับกิเลสไม่ทัน มักจะโดนกองทัพกิเลสยึดบ้านยึดเมืองยึดใจของเราไปก่อนแล้ว
การที่เราจะฝึกซ้อมให้เกิดความคล่องตัวนั้น ต้องพยายามที่จะทรงสมาธิในขณะที่เคลื่อนไหวให้ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่สมควรจะต้องฝึกหัดเอาไว้ ก็คือการเดินจงกรม การเดินจงกรมถึงเวลาเรากำหนดภาวนาได้ด้วย ถ้าสมาธิทรงตัวแน่นเราจะก้าวไม่ออก เราก็ต้องคลายสมาธิออกมานิดหนึ่งให้อยู่ในระดับที่เราก้าวได้ หลังจากนั้นสมาธิจะกลับลึกเข้าไปเราจะก้าวไม่ได้อีก ต้องคลายออกมาใหม่
ซักซ้อมทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ระดับที่เราเคลื่อนไหวได้กับสมาธิจะสูงขึ้นไปเรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดไม่ว่าจะทรงฌานในระดับไหนก็ตาม เราจะสามารถเดินไปด้วย กำหนดภาวนาไปได้ด้วย หรือถ้าท่านเกรงว่าการเดินจงกรมจะกลายเป็นขี้ปากชาวบ้าน กลัวคนอื่นเห็นแล้วจะว่าเราบ้าบ้าง เพี้ยนบ้าง ถ้าอย่างนั้นเราก็มาปรับให้ทรงอารมณ์สมาธิในขณะที่เราทำงานแทน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2016 เมื่อ 19:24
|