ชื่อกระทู้: อัศจรรย์โลกใบนี้
ดูแบบคำตอบเดียว
  #47  
เก่า 28-06-2010, 16:15
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,549 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานครนั้น โรงเรียนต่าง ๆ ปิดรับสมัครและสอบกันหมดแล้ว จึงไม่มีที่เรียน เหลือโรงเรียนราษฎร์ก็ไม่มีค่าเทอม โชคช่วยไปสมัครเข้าเรียนโรงเรียนเทเวศร์ศึกษา เข้าไปกราบผู้จัดการขอเรียนก่อน อ้างว่าทางบ้านยังไม่มีเงินส่งมา ท่านผู้จัดการใจดี ให้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๗ แผนกวิทยาศาสตร์

สมัยนั้นเรียนไปหนึ่งเทอมถูกเรียกไปเสียค่าเทอมก็ขอผ่อนผันต่อ ตั้งใจว่าหากสิ้นเทอมไม่มีเงินมาจ่าย ก็จะลาออกไม่เรียนต่อ แต่ทางโรงเรียนเมตตาให้เรียน สอบปลายภาคเสร็จไม่สามารถหาเงินมาจ่าย ทางโรงเรียนจึงไม่ตรวจข้อสอบให้ ต้องออกจากโรงเรียนไปหาที่เรียนใหม่

ไปสอบเข้าโรงเรียนฝึกหัดครูพลานามัยในตอนนั้น เราชอบกีฬาอยู่แล้ว ตอนเรียนชั้นมัธยมเป็นนักกีฬาของโรงเรียน เป็นตัวแทนกีฬาเขตในกีฬาฟุตบอลและกรีฑา ไปสอบติดหนึ่งในสองร้อยคนที่เขารับเข้าเรียนสมัยนั้น การมอบตัวเข้าเรียนใช้เงินไม่มาก ๔๕๐ บาท แต่ก็ไม่มี ได้เขียนจดหมายไปขอครูใหญ่ที่สอนข้าพเจ้าตอนเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ - ๔ เป็นเงิน ๕๐๐ บาท ท่านเมตตาส่งมาให้ จึงได้เรียนฝึกหัดครูพลานามัยรุ่นที่ ๙ ในพุทธศักราช ๒๕๐๙

ชีวิตเริ่มยุ่งยากอีก เมื่อพี่สาวไม่มีกำลังจะเลี้ยงดูส่งเสีย จึงตัดสินใจขอไปพึ่งวัดอีก ทั้งที่ไม่รู้จัก ลองไปดู พอมีโชคอยู่บ้าง ได้ไปที่วัดโพธิ์ท่าเตียน เดินไปประตูกุฏิ ก.๑๓ (คณะกลาง ๑๓) ที่เปิดอยู่ เข้าไปกราบหลวงพี่ บอกความประสงค์ขออยู่อาศัยรับใช้ท่าน

ปรากฏว่าท่านเป็นพระมาจากสงขลา ท่านเห็นใจเพราะข้าพเจ้าเองก็เป็นคนใต้ ท่านจึงรับให้อยู่ด้วย ช่วยติดตามท่านออกบิณฑบาตในตอนเช้า กินข้าวแล้วค่อยไปเรียน แต่ตอนเย็นไม่มีอาหาร ข้าพเจ้าจึงไปหาร้านขายข้าวแกงในตลาดท่าเตียน ไปขอช่วยล้างจานให้ในตอนเย็นหลังกลับจากเรียน ขอข้าวเย็นกินมื้อหนึ่ง จึงมีอาหารเย็นกินตลอด ๖ ปี

เรียนฝึกหัดครูพลานามัย ๒ ปี เข้าเรียนต่อวิทยาลัยพลศึกษาระดับ ปกศ.สูง ๒ ปี เรียนเกรดดี จึงได้รับเลือกเข้าเรียนวิทยาลัยพลศึกษาอีก ๒ ปีในระดับปริญญาตรีรวมเป็น ๖ ปี ซึ่งช่วงที่เรียนอยู่ชีวิตค่อยดีขึ้น สมัครทำงานในสโมสรอาจารย์ตอนเที่ยงได้วันละ ๑๐ บาท อาจารย์แบ่งอาหารให้กินบ้าง ตกตอนเย็นไปฝึกสอนฟุตบอลให้เยาวชนที่สวนลุมพินีได้วันละ ๑๐ บาท ตกลงได้เงินวันละ ๒๐ บาท เก็บไว้เป็นค่าหน่วยกิต กลับไปถึงวัดก็ไปล้างจานเพื่อกินข้าวเย็น ทำอย่างนี้ทุกวันจนเรียนจบ

ตอนเรียนอยู่วิทยาลัยพลศึกษา ชีวิตเริ่มผกผันในทางที่ดี ได้รับทุนการศึกษาของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นทุนเรียนดีแต่ยากจน ได้ปีละ ๕,๐๐๐ บาท และมีสัญญาเมื่อเรียนจบแล้วจะต้องชดใช้ทุน คือ ต้องไปเป็นครู ทั้งในช่วงนั้นหารายได้พิเศษวันเสาร์และอาทิตย์ ไปรับสอนว่ายน้ำตามสระต่าง ๆ ตอนเย็น ไปสอนลีลาศให้กลุ่มแม่บ้านที่ y.w.c.a. พอมีรายได้ช่วยพี่สาวและส่งให้แม่ทุกเดือน ที่เขียนเล่า เพื่อไม่ให้เห็นว่าเป็นการโอ้อวดจนเกินไป

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-06-2010 เมื่อ 17:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 83 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา