พระอาจารย์เล่าว่า "พระวัดท่าขนุนเดี๋ยวนี้ไม่สนใจงานก่อสร้าง ทำให้อาตมานึกถึงตัวเอง สมัยนั้นบวชใหม่ ๆ หวงเวลาตัวเองมาก เวลาที่เหลือใช้ในการภาวนาเสียส่วนใหญ่ ภาวนาวันละเกิน ๑๐ ชั่วโมง ไม่เอาเรื่องการก่อสร้างเลย
พอออกจากวัดไป งานก่อสร้างมาหูดับตับไหม้ แล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่ากระเบื้องมีทั้งขนาดยาวขนาดสั้น มีอย่างหนา มีอย่างบาง มีลอนใหญ่ มีลอนเล็ก ไม่รู้ทั้งนั้น ต้องใช้วิธีตีขลุมเอา อย่างเช่น ช่างถามว่า อาจารย์จะเอากระเบื้อง ๑.๒ เมตร หรือ ๑.๕ เมตร เอาอย่างหนาหรืออย่างบาง อาตมาก็ถามว่า "แล้วช่างเห็นว่าอย่างไหนเหมาะกว่า ?" ต้องใช้วิธีตีขลุมเอา เพราะไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ
ค่อย ๆ ศึกษาไปทีละนิดทีละหน่อย จนกระทั่งก่อสร้างได้ ๔-๕ ปี ทีนี้คิดเองเป็นหมด พื้นที่เท่าไร ใช้วัสดุขนาดไหน ใช้งบประมาณเท่าไร อยู่ ๆ ช่างก็มาบอกว่า "อาจารย์..ขาดกระเบื้องไป ๑๑ แผ่น" "เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าคิดไม่เคยขาด" ช่างเขาบอกว่า "หนูทำแตกเองค่ะ" เป็นกระเบื้องปูพื้น "ไม่เคยเจอใครคิดกระเบื้องได้ลงตัวขนาดนี้ ไม่เหลือสักแผ่นเดียว พอทำแตกจึงต้องขอให้ซื้อเพิ่ม" "ถ้าเอ็งสารภาพแต่แรกก็หมดเรื่อง ดันหาว่าข้าคิดขาดไป ๑๑ แผ่น ต้องหักค่าแรงให้เข็ด" เรื่องแบบนี้ต้องค่อย ๆ ศึกษาไป"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-01-2015 เมื่อ 04:57
|