ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 30-07-2010, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐

อบรมที่เกาะพระฤๅษี วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐

ในเมื่อเราตัดสินใจบวชเข้ามาแล้ว ก็ต้องทุ่มเทให้กับการบวช เพราะว่าการบวชนั้น ถ้าหากว่าใช้สำนวนของหลวงพ่อฤๅษีก็คือ “ลงทุนซื้อนรก”..!

คราวนี้การที่เราจะบวชอยู่ให้ได้อย่างมีความสุข ก็ต้องเป็นคนมีปัญญา รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ใช่ว่าตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติอย่างเดียว ถ้าทำอย่างนั้นเราที่ยังไม่คล่องตัวจริง ๆ แล้วจะเครียดมาก เพราะเราคลายอารมณ์ไม่เป็น ต้องรู้จักเปลี่ยนอิริยาบถ ไปหาอย่างอื่นทำบ้าง เดินท่องมนต์บ้าง อ่านหนังสือบ้าง พอถึงเวลาจิตคลายออกมาแล้ว เราค่อยไปภาวนาใหม่

ถ้าหากว่าทำตัวเป็นคนไม่มีปัญญา รู้ว่าสู้แล้วแพ้ แล้วเรายังสู้ ถือว่าหาความฉลาดไม่ได้ เพราะว่าการรบกับกิเลส สำคัญที่สุดก็คือ รักษากำลังใจของเราอย่าให้เศร้าหมอง ฉะนั้น..เราต้องสู้แค่ชนะ กับเสมอตัว รู้ว่าจะแพ้ก็เลิก..ไม่สู้ด้วย

การจะมีปัญญาหรือไม่มี ขึ้นอยู่กับศีล สมาธิ ปัญญา* ถ้าหากว่าศีลทรงตัว สมาธิก็ตั้งมั่นได้ง่าย เมื่อสมาธิทรงตัวจิตเราจะนิ่ง ปัญญาก็จะเกิด เรื่องของปัญญานั้นมีทั้ง

๑. สหชาติกปัญญา ** ปัญญาที่เกิดมาพร้อมตัว เรียกว่าสั่งสมมาตั้งแต่อดีต เมื่อเกิดมา ปัญญาส่วนนี้ก็จะตามเรามาด้วย

๒. ปาริหาริกปัญญา เป็นปัญญาที่เรามาแสวงหาเอาในปัจจุบัน อย่างเช่นว่า การศึกษาเล่าเรียน การได้ประสบการณ์ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง

๓. เนปักกปัญญา เป็นปัญญาที่รู้จักหาวิธีเอาตัวรอดจากวัฏสงสาร จะเรียกว่าปัญญาของพระอริยเจ้าก็ได้

ดังนั้น..เรื่องของปัญญาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จะว่าไปแล้วในบารมี ๑๐ ***นั้น ปัญญาบารมีต้องมาก่อน แม้กระทั่งในมรรค ๘ **** ท่านก็ขึ้นด้วย สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ การมีความเห็นชอบ การมีความดำริชอบ นั่นก็คือตัวปัญญา

พอมาถึงสัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ อันนี้ถึงจะเป็นศีล สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ อันนี้ถึงจะเป็นสมาธิ


หมายเหตุ:
* ที.ปา. ๑๑/๒๒๘/๒๓๑ : องฺติกฺ ๒๐/๕๒๑/๒๙๔
** สมเด็จพระพุฒาจารย์(อาสภมหาเถระ) : คัมภีร์วิสุทธิมรรค : นิทานกถา : อธิบายปัญหาพยากรณ์ : หน้าที่ ๕
***ขุ.พุทฺธ. ๓๓/๑/๔๑๔ : ขุ.จริยา. ๓๓/๓๖/๕๙๖
****ที.ม. ๑๐/๒๙๙/๓๔๘ : ม.มู. ๑๒/๑๔๙/๑๒๓ : ม.อุ. ๑๔/๗๐๔/๔๕๓ : อภิ.วิ. ๓๕/๕๖๙/๓๐๗
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2010 เมื่อ 03:17
สมาชิก 97 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา