ดูแบบคำตอบเดียว
  #41  
เก่า 07-07-2017, 08:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,963 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อคืนอาตมามาถึงที่นี่สี่ทุ่มกว่า ถามว่าทำไมถึงมาดึก ? ก็เพราะว่าจัดงานศพให้หมอฉลอง (ไวยาวัจกรและมัคคนายกวัดท่าขนุน) อาตมาเหนื่อยมาหลายวันแล้ว เมื่อวานเผาศพตอนประมาณ ๔ โมง ๑๓ นาที แต่ ๕ โมงเย็นแล้วรถยังออกไม่หมดวัดเลย

ตอนแรกทางญาติไม่ยอมให้เอาศพหมอฉลองขึ้นไปที่ทองผาภูมิ เพราะว่าโยมแม่อยู่ที่เมืองกาญจน์ พระน้องชายบวชเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดท่ามะขาม จึงให้ตั้งศพไว้สวดที่นั่น และจะเผาที่นั่น คนทองผาภูมิยื่นคำขาด “พระอาจารย์เล็ก...เอาหมอหลองกลับมาให้ได้นะ” ตอนแรกไปต่อรองท่านบอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกัน...ให้ไปสวด ๓ คืนแล้วเอากลับไปเผาที่ท่ามะขาม” อ้าว...กลายเป็นทรมานศพไป มัวแต่เอาขึ้น ๆ ลง ๆ

ท้ายสุดตกลงกันว่าสวดคืนสุดท้ายที่วัดท่าขนุนหนึ่งคืน แล้วก็เผาที่วัดท่าขนุนนี่แหละ ก็ปรากฏว่าคืนที่สวดเก้าอี้ทั้งหมดของวัดท่าขนุนประมาณ ๗๐๐ ตัวไม่พอให้แขกนั่ง คนต้องนั่งเต็มพื้นเลย ก็เลยถามโยมทองร่วม (แม่หมอฉลอง) ที่อายุ ๘๐ ปี ว่า “ยาย...คราวนี้ยายรู้หรือยังว่าทำไมถึงต้องเอาหมอหลองมานี่ ?” ยายบอกว่า “เพิ่งจะเข้าใจค่ะ”

แต่ที่อนาถที่สุดก็คือเจ้าภาพเตรียมอาหารว่างไว้ ๒๐๐ ชุด เพราะว่าอยู่ที่เมืองกาญจน์ ไม่เคยมีคืนไหนแขกมาเกิน ๒๐๐ คน ที่นี่คนมา ๗๐๐-๘๐๐ คน แล้วจะเอาที่ไหนให้ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 07-07-2017 เมื่อ 13:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา