ดูแบบคำตอบเดียว
  #146  
เก่า 26-03-2012, 08:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,523
ได้ให้อนุโมทนา: 151,451
ได้รับอนุโมทนา 4,406,215 ครั้ง ใน 34,113 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อเล็ก : หลวงปู่สมเด็จฯ วัดสามพระยาเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่หาได้ยาก ที่หาได้ยากเพราะว่าอันดับแรกท่านอยู่กรุงเทพฯ พระกรุงเทพฯ จะปฏิบัติดีปฏิบัติให้เข้าถึงได้จริง ๆ นั้นยาก เพราะว่าสิ่งแวดล้อมรอบข้างไม่อำนวยเลย ต้องทุ่มเทหนักหน่วงกว่าคนอื่นหลายเท่า

ประการที่ ๒ ท่านเป็นเจ้าคณะปกครอง โดยเฉพาะเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นกรรมการมหาเถรมหาคม เป็นสมเด็จพระราชาคณะ งานหนักมหาศาล แต่ความที่เอาจริงเอาจังและไม่ทิ้งในการปฏิบัติ ทำให้ท่านสามารถทำได้

ฉะนั้น..ก็มาเปรียบกับพวกเราว่า เราเองส่วนใหญ่ก็ทำมาหากินอยู่กรุงเทพฯ อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย แต่ถึงเวลาเราก็มาปฏิบัติธรรมกัน เราก็มีหลวงปู่สมเด็จฯ ท่านเป็นผู้เดินนำไปแล้ว เราก็ตามรอยเท้าท่านไป อย่างไรเสียก็ทำตามแล้วไม่ผิดทางแน่ ในเมื่อไม่ผิดทาง ตั้งหน้าตั้งตาทำไป เราก็จะมีความหวังว่าทำแล้วจะได้ดีอย่างหลวงปู่สมเด็จฯ ท่านเหมือนกัน

ธรรมะของพระพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ บุคคลใดที่ประกอบไปด้วยความเพียรเป็นปกติ ย่อมได้ดื่มซึ่งอมตรสแห่งพระนิพพานนั้น อันนี้เป็นบาลีที่เป็นพุทธวจนะ พระองค์ท่านยืนยันกับเรา

พวกเรายังเกิดทันในสมัยที่ธรรมะยังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ พระพุทธเจ้าตรัสกับสุภัททะปริพาชกว่า “ศาสนาใดก็ตาม ถ้าหากประกอบไปด้วยมรรคมีองค์ ๘ ย่อมมีสมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ เป็นปกติ” ก็คือย่อมมีพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ เป็นปกติ พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่าศาสนาพุทธจะมีอย่างนี้ แล้วไม่ได้บอกว่าศาสนาอื่นจะไม่มีอย่างนี้ แต่พระองค์ท่านบอกว่าศาสนาใดถ้าหากว่าประกอบด้วยมรรคมีองค์ ๘ ศาสนานั้นย่อมมีสมณะทั้ง ๔ ที่ว่ามาสมบูรณ์บริบูรณ์

หลวงพ่อหนู : ขอเสริมสักนิดหนึ่งว่า สถานที่ ๆ จะปฏิบัติธรรมเป็นองค์ประกอบเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่องค์ประกอบหลัก หลวงปู่สมเด็จฯ ท่านเคยบอกว่า ท่านอยู่กลางบางลำพู กระแสโลกียะครอบเหมือนฝาชี ผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งแกร่งจริง ๆ ถึงจะสามารถพลิกได้ ผ่านได้ เชื่อมโยงได้กับอารมณ์พระนิพพานก็ดี หรือสิ่งที่ละเอียดยิ่งขึ้นไป

สถานที่ไม่ใช่องค์ประกอบหลัก และหน้าที่การงานก็ไม่เสีย คำว่าปลีกวิเวกที่เราเข้าใจกันไม่ใช่การอยู่คนเดียว หรืออยู่ในป่า ไม่เสมอไป สมเด็จฯ ท่านก็ไม่ได้ไปเดินธุดงค์ ไม่ใช่ว่าธุดงค์ไม่ดี ไม่ได้พูดกดฝ่ายหนึ่ง เจริญอีกฝ่ายหนึ่ง..เปล่า ที่เดิมตั้งแต่หนุ่มท่านก็อยู่ตรงนั้น จนกระทั่งท่านชราภาพ งานเสียอีกที่มากขึ้น ๆ รับผิดชอบ ๒๓ จังหวัด ก่อนนั้นทั่วประเทศ แล้วค่อยมาแบ่ง ๆ กันไป ๒๓ จังหวัดของหนกลาง

สถานที่ไม่ใช่ แล้วก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องเดินธุดงค์ แต่ศึกษาจนกระทั่งเป็นครูบาอาจารย์สอนเขา ออกข้อสอบเขา ตรวจเขา ให้เขาได้ผ่านประโยค ๙ ทฤษฎีนี่เข้มแน่นอนสำหรับท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ แต่ท่านก็พลิกทฤษฏีนั่นแหละ เอาหลักเขามาใช้งานจริง

สถานที่ไม่ต้องอยู่ในป่าก็ได้ แล้วก็ยังทำธุดงควัตรอย่างอุกฤษฏ์ด้วย กลางกรุงนั่นแหละ ถือธุดงควัตรอย่างอุกฤษฏ์ ไม่ได้ฉันในบาตร ฉันในจาน มีช้อนมีส้อม บางทีเขาก็มีตะเกียบมาให้ด้วย แต่ท่านทำอารมณ์จิตที่ธุดงควัตรกำหนดไว้

เพราะฉะนั้น..ไม่แปลกเลยที่ท่านไม่ได้ผ่านการไปอยู่ป่า อยู่โคนไม้ แต่ในขณะที่ท่านอยู่ในเรือน เป็นคามวาสี ท่านก็สามารถที่รักษาหรือประคองจิต ด้วยอารมณ์อุกฤษฏ์ของธุดงควัตร ๑๓ ได้ด้วย คือให้เห็นว่าการงานไม่เสีย ทำไปด้วย และจิตก็ได้พัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-03-2012 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา