ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 30-10-2018, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,200 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การพิจารณานั้น ต้องให้สภาพจิตเรายอมรับจริง ๆ ว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยง ร่างกายนี้เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา คำว่ายอมรับในที่นี้ก็คือไม่มีการขัด ไม่มีการเถียงขึ้นมา ว่าร่างกายนี้ยังมีความเที่ยง มีความไม่ทุกข์ ยังมีจุดที่เป็นสุขอยู่ และท้ายที่สุดว่าร่างกายนี้เป็นเรา เป็นของเรา เป็นต้น เป็นการยอมรับเพราะปัญญาเห็นแจ้งว่าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือไม่เที่ยงจริง ๆ เป็นทุกข์จริง ๆ ไม่มีอะไรให้เรายึดถือมั่นหมายจริง ๆ

เมื่อเราเห็นชัดเจนแล้ว ก็เอาจิตสุดท้ายเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ ให้ตั้งใจว่า ถ้าหากสภาพร่างกายนี้เสื่อมสลายตายพังลงไปตามอายุขัยก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ มาตัดรอนจนถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น พยายามเอาจิตสุดท้ายจดจ่ออยู่กับภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

ถ้าหากว่าเราทบทวนพิจารณาลักษณะอย่างนี้ กำหนดกำลังใจสุดท้ายของเราเอาไว้อย่างนี้ ถ้าทำได้ทุกวัน ๆ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติจะมีมาก สภาพจิตก็จะจืดจางเคลื่อนคลายจากสิ่งรอบข้างที่เคยยึดเคยถืออยู่ ท้ายที่สุดก็ปลดตนเองหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ดังที่ปรารถนา



ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-10-2018 เมื่อ 19:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา