ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 14-01-2019, 20:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,379 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าสติสมาธิของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า รัก โลภ โกรธ หลง ต่าง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะกินใจของเราได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงขนาดตรัสว่า บุคคลที่ทรงอัปปนาสมาธิ คือ ทรงฌานสมาบัติตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป มารจะมองไม่เห็น

เนื่องเพราะว่าอำนาจของสมาธิสมาบัติ แม้จะเป็นเบื้องต้นแค่ปฐมฌานก็ตาม สามารถกดกิเลส คือ รัก โลภ โกรธ หลง ให้ดับลงชั่วคราว เมื่อไม่มีสิ่งทั้งหลายซึ่งเป็นบริวารคอยรายงานอยู่ มารก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นหรือทำอันตรายเราได้

ดังนั้น..สิ่งนักปฏิบัติทั้งหมดพึงหวังในชีวิตก็คือ การปฏิบัติแล้วอย่างน้อยต้องทรงปฐมฌานให้ได้ การที่เราระมัดระวังรักษาศีลทุกสิกขาบท ทำให้สติสมาธิของเราทรงตัวอยู่ตรงหน้า เมื่อมาจับอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออกควบกับคำภาวนา เราก็สามารถที่จะทรงสมาธิได้ง่ายยิ่งขึ้น

ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่าเมื่อสมาธิทรงตัว กิเลสเกิดไม่ได้ชั่วคราว ทำอย่างไรที่เราจะใช้ปัญญาในการประหัตประหารกิเลสทั้งหลายเหล่านั้น ก็ต้องพิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษ โดยเฉพาะโทษของการเกิด เพราะว่าเกิดมาเมื่อไร ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความทุกข์โศกร่ำไร ความปรารถนาไม่สมหวัง ความกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เหล่านี้ก็ย่อมมีแก่เราทันที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2019 เมื่อ 20:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา