ดูแบบคำตอบเดียว
  #28  
เก่า 02-05-2012, 11:00
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

คติธรรมมักจดจำไม่ลืม

แก้หน้าให้พี่ชาย


ในสมัยนั้นโรงเรียนอยู่ตรงวัดร้างบริเวณป่าสัก ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านตาด ในช่วงที่เรียนหนังสืออยู่นั้น โรคอหิวาต์กำลังระบาด ครูจึงเขียนกลอนไว้สอนเด็กนักเรียนให้ท่องจำว่า

“อหิวาต์กำเริบ ล้างมือก่อนเปิบ
ด้วยน้ำประปา
ผักดิบผักสด งดเสียดีกว่า
หากใช้น้ำท่า จงต้มเสียก่อน
อาหารหวานคาว เมื่อกินทุกคราว
เลือกแต่ร้อน ๆ
อาหารสำส่อน จำไว้ใคร่สอน
กินไม่ดีเอย”

บทท่องจำบทนี้ แม้จะท่องจำมาตั้งแต่สมัยเด็กนานมาแล้วก็ตาม องค์หลวงตาก็ยังสามารถจดจำได้อย่างแม่นยำตลอดมา ท่านเคยให้เหตุผลไว้เช่นกันว่า
“อันไหนที่มันติดใจแล้ว มันจะจำได้ไม่ลืม เป็นคติธรรมดี จึงทำให้จำได้แม่นยำ”

ชีวิตในวัยเรียนของท่านนั้น ท่านเป็นเด็กนักเรียนที่ตั้งอกตั้งใจเรียน มีความรับผิดชอบสูง จะเห็นได้จากผลการเรียนที่ดีเยี่ยมของท่านคือ

ประถม ๑ สอบได้ที่ ๒ ประถม ๒ สอบได้ที่ ๑ ประถม ๓ สอบได้ที่ ๑

ท่านเล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงนี้ว่า “พ่อแม่มีลูกหลายคน แต่ไปเรียนหนังสือพร้อมกัน ๓ คน สมัยนั้นเด็กอายุ ๑๐ ปี เขาให้เข้าโรงเรียน ถ้าต่ำกว่านั้นเขาไม่นับเข้าในบัญชี..

เรายังไม่ลืมนะ เขาให้เป็นลูกเสือ ไปซื้อชุดลูกเสือ ... เราเป็นน้องก็จริง แต่เรียนสูงกว่าพี่ พี่ได้ชุดลูกเสือ เราเป็นน้องเรียนชั้นสูงกว่าพี่ ก็ควรจะได้เช่นเดียวกัน ตกลงเราทั้งสองก็ได้พร้อมกัน ราคาฟาดเสียตั้ง ๗ บาท เงิน ๗ บาทในสมัยนั้น ไม่ใช่เล่น ๆ ฝังใจลึกมาก

พ่อบอกว่า ‘อุ๊ย! กูก็มีเงินเท่านี้แหละ กูหามาได้สองสามวัน สูก็เอาไปหมด’

เรายังจำฝังใจไม่ลืม เวลาไปสอบ .. ไอ้เราได้ที่หนึ่งเสมอ ส่วนบักคำไพผู้เป็นพี่ชาย ขาดเพียงคะแนนเดียวก็จะสอบผ่าน คือว่าคะแนนถึงสิบจึงจะสอบผ่าน มันสอบได้เพียงเก้าคะแนนจึงสอบตก เราจึงแซงขึ้นไปเรียนชั้นสูงกว่า พี่ชายเราเซ่อ ๆ นะ เวลาไปเรียนหนังสือ...”

การเรียนหนังสือในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีฝากั้นแบ่งแยกเป็นห้อง ๆ ดิบดีอะไร ทำให้มองเห็นกันและได้ยินเสียงครูข้าง ๆ ห้องสอนหนังสือนักเรียนชัดเจน เหตุนี้เองทำให้มีเรื่องน่าขบขันเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่เรียนหนังสือ อย่างเช่นวันหนึ่ง พี่ชายของท่านไปเรียนหนังสือและครูให้ไปเข้าแถว หากว่าใครเป็นคนที่ยืนอยู่อันดับแรกก็นับ.. หนึ่ง สอง สาม ไปตามลำดับ

ในวันนั้นพี่ชายของท่าน (ชื่อคำไพ) อยู่ในอันดับที่สิบเอ็ด พอเพื่อนนับถึงคนที่สิบ อันดับต่อไปเป็นพี่ชายของท่าน และต้องนับเลข “สิบเอ็ด” พี่ชายกลับมัวแต่อ้าปากค้าง อ้า... อ้า... อ้าปากค้าง... อยู่อย่างนั้น นับไม่ได้หน้าไม่ได้หลังอะไร เป็นที่รำคาญใจและอับอายแก่น้องยิ่งนัก น้องซึ่งอยู่ในวัยเด็กกว่าและไปอยู่แถว ๆ นั้นพอดี จึงตะโกนบอกพี่ชายในทันทีว่า
“สิบเอ็ด สิบเอ็ด สิบเอ็ด ตอบเร็ว ๆ ๆ ๆ สิพี่”

พี่ชายได้ยินเสียงน้องก็รีบตอบในทันทีว่า “สิบเอ็ด ด ด ด”

ท่านจะเล่าถึงเหตุการณ์นี้ ในวัยเด็กระหว่างพี่ชายกับตัวท่านเองด้วยความขบขันทุกครั้งไป และอีกเรื่องหนึ่งท่านเล่าถึงพี่ชายทำขายหน้าตอนอยู่โรงเรียนขณะท่านกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.๑ และพี่ชายของท่านก็เรียนหนังสืออยู่ห้องติดกันดังนี้

“... พี่ชายเรายังไม่ได้หน้าได้หลังอะไร ที่นี้เวลาครูถามเรื่องง่าย ๆ มันน่าจะคิดได้ แต่มันกลับคิดไม่ได้ ทำให้เป็นเรื่องยาก เช่น ครูถามขึ้นว่า ‘คำไพ ค้างคาว ภาษาอีสานเรียกอะไร ?’

พี่ตอบว่า ‘เจียครับ’

ทีนี้ครูถามย้อนกลับอีกว่า ‘แล้วเจีย ภาษากลางเรียกว่าอะไร ?’

แทนที่พี่จะตอบว่าเรียกว่า “ค้างคาว” แกก็ย้อนกลับไม่เป็นนะ มันโง่จะตาย (หัวเราะ) เพื่อนเขาหลอกให้ตอบแบบไหนมันก็ว่าไปตามเขาหมด พอครูถามย้ำ ๆ อีก
‘เจียเรียกว่าอะไร.. เจียเรียกว่าอะไร.. คำไพ เจียเรียกว่าอะไร ?’

พวกเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่นั่นหลอกมัน แอบกระซิบบอกเรียกว่า ‘ดังวีก’

พี่จึงเหลียวมองโน้นมองนี้ แล้วก็ตอบครูตามเขาทันทีว่า ‘เรียกว่าดังวีกครับ’ (แปลว่า จมูกวิ่น)..

ทันทีที่พี่ชายหลงเชื่อ ตอบคุณครูตามคำกระซิบของเพื่อน ๆ ผลปรากฏว่าทั้งครูและเพื่อนในห้องนอกห้อง พากันส่งเสียงหัวเราะสนั่นโรงเรียน เด็กชายบัวในครั้งนั้นจึงทั้งจะหงุดหงิดทั้งขบขันปะปนกันไป ได้แต่คิดว่า เราเป็นน้องแท้ ๆ เราคิดได้แล้ว นี่ครูเพียงให้แปลย้อนหลังเท่านั้น พี่ชายกลับทำไม่ได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 03-05-2012 เมื่อ 13:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา