พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ญาติโยมพอน้ำท่วมก็เครียด ไม่มีอารมณ์ที่จะปฏิบัติกรรมฐาน พอเรายิ่งเครียดกำลังใจยิ่งตกง่าย ก็แปลว่าพอกำลังใจตก คราวนี้จะตีคืนได้ยาก
สำหรับนักปฏิบัติแล้ว ในส่วนที่ถือว่าน่ากลัวก็คือการที่กำลังใจตก กำลังใจตกสำคัญที่สุดก็เพราะเหตุที่สมาธิตก เพราะฉะนั้น..สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องประคองสมาธิให้นานที่สุด ถ้าไม่ได้คล่องตัวถึงขนาดจะเข้าฌานเมื่อไรก็ได้ โอกาสที่จะกำลังใจตกมีสูงมากเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
แต่บางทีคนเราพอฟังครูบาอาจารย์พูดเข้า ก็ได้แต่ฟังอย่างเดียว เหมือนกับผ่านหูไปเฉย ๆ เพราะกำลังใจของเราไม่ได้อยู่ตรงจุดนั้น เมื่อผ่านหูไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ ถึงเวลาก็ทำให้กำลังใจตกอีก จนกว่าจะตกแล้วตกเล่า ตกจนเข็ด คราวนี้ก็เริ่มจะคิดหาช่องทางว่าจะทำอย่างไรถึงจะรักษากำลังใจไม่ให้ตก
หลังจากนั้น ถึงจะหาวิธีประคับประคองอย่างไรจึงจะรักษากำลังใจเอาไว้ได้ แรก ๆ ก็ได้เดี๋ยวเดียวแล้วก็ตกอีก แต่พอหมั่นทำบ่อย ๆ เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ก็จะตกช้าลงไปเรื่อย ๆ ระยะเวลาก็ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนท้ายสุดก็อยู่ได้เป็นเดือนเป็นปี แต่พอเผลอก็ตกอีก ถ้าหากว่าถึงเวลาอยู่ได้เป็นเดือนเป็นปีแสดงว่าตกมาจนเข็ดแล้ว รู้วิธีรักษาอารมณ์แล้ว แต่ถ้าไปเผลอขาดสติเข้าก็ทำให้กำลังใจตกลงได้อีก ดังนั้น จงอย่าเชื่อว่าตัวเองดีแล้วเป็นอันขาด"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-11-2011 เมื่อ 19:22
|