พระอาจารย์กล่าวว่า “ที่พระสถูปโพธานารถ กรุงกาฐมาณฑุ มีคนทิเบตไปปฏิบัติธรรมกันมาก เพราะความเชื่อทางทิเบตเขาว่า หุบเขากาฐมาณฑุเกิดจากพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ฟันวงรอบเขาเปิดช่องให้น้ำไหลออก เพราะก่อนหน้านี้เป็นบึงน้ำใหญ่ พอน้ำไหลจนแห้งก็เป็นหุบเขากาฐมาณฑุ ถึงเวลาก็สร้างเจดีย์บูชาพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พวกนี้เขานับถือพระโพธิสัตว์เป็นปกติอยู่แล้ว ทางสายวัชรยานจึงมากันเนืองแน่นไปหมด โดยเฉพาะตอนที่อพยพหนีจากจีนลงมา อยู่กันจนกลายเป็นทิเบตน้อยไปเลย
แต่หมาทิเบตที่นั่นน่าสงสารมาก กะรุ่งกะริ่งเป็นหมาขี้เรื้อน เพราะว่าเพิ่งพ้นหน้าหนาวมา หมาเพิ่งพลัดขนหนาวออก ก็หลุดบ้างไม่หลุดบ้างดูไม่ได้เลย ถ้าเป็นที่วัดท่าขนุน อาตมาจะไปช่วยตะกุยออกให้ ก็สวยทีเดียวเลย อันนี้ของเขาต้องรอให้หลุดเองจนหมด อยู่ที่วัดท่าขนุนถึงเวลาไปตะกุยออกมาเป็นหอบ ๆ สมัยเจ้าฟ้าตอนแรกไม่รู้หรอก อยู่ ๆ ทำไมขนหลุดเป็นม้วน ๆ ออกมา พอลองไปลูบดูม้วนมาได้เป็นก้อนเลย
คุณกฤษณ์ (มัคคุเทศก์) เขาบอกว่า กรุงกาฐมาณฑุเป็นลักษณะเหมือนมีดเล่มใหญ่ ทางด้านลลิตปุระหรือเมืองปาทานลักษณะเป็นมันดาลาคือทรงกลม แล้วภักตรปุระลักษณะเป็นทรงกรวย แสดงว่าเรื่องภูมิสถาปัตย์นี่ทางโบราณเขากำหนดไว้ชัดเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2014 เมื่อ 09:25
|