"กองทุนต่อไปที่จะตั้งก็คือ กองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณร ต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสมก่อน เหตุที่ต้องตั้งกองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณรนั้น อาตมาไม่ได้ห่วงพระที่วัดท่าขนุน เพราะว่าพระวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตพอฉันอยู่แล้ว แต่ว่าห่วงพระนักเรียน
พระของวัดท่าขนุนออกมาเรียนเยอะมาก อย่างเมื่อวานโยมก็เห็น มากัน ๑๐ กว่ารูป นี่เฉพาะที่เรียนบาลีและปริญญาโท ยังไม่ได้พูดถึงปริญญาตรีหรือระดับประกาศนียบัตร ก็แปลว่าพระวัดท่าขนุน ๔๐ กว่ารูป เรียนกันเกินครึ่ง ข้าวปลาอาหารแต่ละมื้อไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าหากว่ามีกองทุนตรงส่วนนี้เอาไว้ ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระของท่านได้มาก
ทุกวันนี้อาตมาให้ค่าใช้จ่ายเดือนละ ๕,๐๐๐ บาทต่อรูป ท่านต้องกระเบียดกระเสียรมาก ร่วมกันเช่ารถแล้วเดินทางไปเรียน แล้วก็รวมกันซื้ออาหารเพื่อที่จะได้เพียงพอฉัน เพราะถ้าต่างคนต่างซื้อก็สิ้นเปลืองมาก ให้เขาบริหารจัดการกันเองว่า เงินจำนวนนี้ทำอย่างไรจะให้พอใช้ตลอดเดือน ?
เห็นความลำบากแล้วก็คิดว่า การตั้งกองทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา ก็จะอำนวยความสะดวกให้กับท่านได้ ท่านจะได้มีแก่ใจในการศึกษาเล่าเรียนมากขึ้น แต่ว่ากองทุนอันนี้ไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ เพียงแต่ว่าถ้ามีไว้ก็ดี หน้าที่ของอาตมาก็คือ หาเงินเข้ากองทุนให้มากที่สุด เผื่อว่าตนเองสละตำแหน่งหรือพ้นตำแหน่งไปเมื่อไร คนที่มาใหม่จะได้บริหารวัดแบบสะดวกใจ ไม่ต้องมาหนักใจว่าวัดใหญ่ ค่าใช้จ่ายสูง จะแบกรับภาระไหวหรือไม่ ?"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2017 เมื่อ 03:59
|