ดูแบบคำตอบเดียว
  #123  
เก่า 01-09-2014, 11:39
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,833 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๑. อย่าไปเอาวิชา - ความรู้ - ศักดิ์ศรี - ฐานะ - ตระกูล มาเป็นเครื่องตัดกิเลส เพราะนั่นเป็นเพียงสิ่งภายนอก มิใช่ตัวจิตแท้ ๆ ถ้าไปยึดถือเอาก็เป็นมานะกิเลส ให้พิจารณาถึงตัวจิตล้วน ๆ วิชาความรู้นั้นเกิดจากสัญญา แต่วิชาในพุทธศาสนา คนที่ไม่ได้ศึกษาวิชาทางโลกมาเลย เช่น ชาวนา - ชาวสวน – ชาวไร่ มาศึกษาวิชาทางธรรม ก็ยังจบกิจได้ โดยอาศัยปัญญาตัดกิเลสในจิตของตนเอง คือธรรมภายในอันมี ศีล – สมาธิ - ปัญญา ซึ่งเป็นธรรมภายใน หรือ ทาน - ศีล - ภาวนา ซึ่งเป็นปฏิบัติบูชา เป็นกรรมหรือการกระทำทาง กาย - วาจา - ใจ ของตนเอง หาได้เกี่ยวกับ วิชา - ความรู้ - ศักดิ์ศรี - ฐานะ หรือตระกูลแม้แต่อันใด

ดังนั้น จงอย่าไปติดแม้อันใดอันหนึ่งที่ว่ามานี้ เพราะปุถุชนมีความทะเยอทะยานอยาก ไม่รู้จักพอในสิ่งเหล่านี้ (จิตพร่องอยู่เป็นนิจ เพราะตกเป็นทาสของตัณหา) กล่าวคือ อยากมีวิชาดี - ความรู้ดี - ศักดิ์ศรีดี - ฐานะดี และตระกูลดี จักดีแค่ไหนก็ยังไม่รู้จักพอ ยังจักขอให้ดีกว่าบุคคลอื่น จำไว้..ในการปฏิบัติธรรมเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้น จงอย่าหวังผลตอบแทนในการกระทำความดีทั้งหมด แม้แต่คำว่าขอบใจหรือคำสรรเสริญ เรามุ่งทำเพื่อพระนิพพานจุดเดียว หากทำได้จิตจักเป็นสุขเป็นที่สุด อย่าไปเอาอารมณ์ของปุถุชนมาเป็นอารมณ์ของตน เพราะปุถุชนทำอะไรนิดหนึ่งก็หวังผลตอบแทนเป็นธรรมดา และคำว่าทำดีแล้วจงอย่าติดดี ก็คือการกระทำดีที่เป็นกุศล แล้วไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แม้แต่คำสรรเสริญจากบุคคลภายนอก แต่ก็ต้องไม่สรรเสริญตนเองด้วย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-09-2014 เมื่อ 15:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา