๙. ให้ถือทุกอย่างเป็นกรรมฐาน ห้ามบ่นถึงสุขภาพไม่ดี ห้ามบ่นถึงโชคชะตาไม่ดี เพราะทุกอย่างล้วนเป็นครูทดสอบอารมณ์จิตของตน ทุกคนที่ปรารถนาจักไปพระนิพพาน ก็จักต้องมีข้อทดสอบทยอยเข้ามากระทบอยู่เนือง ๆ ให้พิจารณาเข้าหาทุกข์ อันเป็นอริยสัจ กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ อันเป็นตัวปัญญาสูงสุดในพุทธศาสนาเป็นหลักสำคัญ
พิจารณาเข้าหาสัทธรรมทั้ง ๕ ซึ่งทุกคนจักต้องพบ คือความปรารถนาไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ หากจิตไม่ยอมรับ.. จิตก็จักดิ้นรน ก็ยิ่งเพิ่มทุกข์ให้กับจิตตนเองเป็นธรรมดา ให้พิจารณาตามเหตุตามผลตามความเป็นจริง จิตที่ยอมรับในกฎของกรรมก็จักคลายความเดือดร้อนลงได้มาก คือรู้อย่างผู้มีปัญญา ฉลาดในธรรม รู้ว่าสิ่งใดเป็นบุญกุศล สิ่งใดเป็นบาปอกุศล รู้แล้วยอมรับในกฎของกรรม กฎของธรรมดาอันเป็นอริยสัจ จิตก็จักไม่ปรุงแต่ง หรือหวั่นไหวไปในกรรมนั้น ๆ ทุกอย่างเป็นธรรมดาหมด จิตก็สงบเป็นสุข เป็นอัพยากตธรรม หรืออัพยากตาธรรมา จำไว้พระตถาคตเจ้าทั้งหลายสอนให้พ้นทุกข์ ด้วยการให้รู้จักตัวทุกข์จึงจักพ้นทุกข์ได้ มิใช่สอนให้หนีทุกข์ และไม่รู้จักตัวทุกข์ก็พ้นทุกข์ไม่ได้ ก็คือ อริยสัจหรือกรรมทั้งหลายมาแต่เหตุนั่นเอง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2014 เมื่อ 09:15
|