"ก่อนนี้ที่บ้านของอาตมามีมะม่วงอยู่ ๒ ต้น ถ้าให้เด็กสมัยนี้ดูไม่มีทางรู้ว่าเป็นมะม่วงอะไร ลูกขนาดเล็กมาก จริง ๆ แล้วคือมะม่วงเขียวเสวย แต่อายุต้นกว่า ๖๐ ปี ลูกจึงเล็กลง เล็กจนไม่น่าจะใช่มะม่วงเขียวเสวย
พวกมะม่วงอื่น ๆ อย่างสมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็นกัน อย่างมะม่วงตกตึก มะม่วงหัวช้าง มะม่วงตกตึกก่อนหน้านี้บางทีเขาก็เรียกว่า มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย เป็นมะม่วงที่ต้องกินห่าม กินสุกไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยจนสุกเนื้อรอบเมล็ดจะเหมือนกับช้ำ เขาเลยเรียกว่ามะม่วงตกตึก ต้องกินห่าม ๆ ถึงจะอร่อย ส่วนมะม่วงหัวช้างลูกใหญ่สมชื่อเลย
ส่วนมะม่วงทองดำสมัยนี้ก็ไม่เคยเห็น เปลือกเป็นสีเขียวจนดำเลย แต่ปอกออกมาข้างในเนื้อจะสีเหลืองทอง เขาจึงเรียกว่ามะม่วงทองดำ ถ้าเข้าปากอาตมาก็รู้เลยว่ารสนี้คือมะม่วงทองดำ
สมัยก่อนมะม่วงยอดฮิตเลยก็คือมะม่วงอกร่อง จะเป็นอกร่องทองหรืออกร่องขาวก็ได้ สมัยก่อนเขานิยมอกร่องเพราะว่ารสหวานแหลม เหมาะที่จะกินกับพวกข้าวเหนียวมูนที่รสเค็มหน่อย ๆ แต่เท่าที่กินมามะม่วงสุกที่อร่อยที่สุดต้องมะม่วงฟ้าลั่น อร่อยมาก แต่ส่วนใหญ่เขาไปกินดิบกัน มะม่วงฟ้าลั่นต้นที่บ้านของอาตมามดแดงเยอะสุด ๆ ขึ้นไปแต่ละทีต้องพกขี้เถ้าไปถังหนึ่ง รีบไปยึดกิ่งไว้ก่อน แล้วก็เอาขี้เถ้าทาบนทาล่างไว้ พอมดมาถึง เจอขี้เถ้าก็หล่น มาถึงเราไม่ได้ คราวนี้ก็เอาตะกร้อค่อย ๆ สอยมะม่วง"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 15:19
|