ดูแบบคำตอบเดียว
  #150  
เก่า 28-01-2011, 13:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,619
ได้ให้อนุโมทนา: 151,818
ได้รับอนุโมทนา 4,413,361 ครั้ง ใน 34,209 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อคราวงานวัดบางนมโค พอถึงเวลานิมนต์พระเจริญพระพุทธมนต์ - ฉันเพล หลวงพ่อฤๅษีฯ เอาเรือเร็วออกไปตามหลวงปู่จง จริง ๆ ถ้าเดินลัดทุ่งก็ไม่ไกลมาก ประมาณชั่วโมงเดียวก็ถึง แต่ถ้าไปเรือจะช้า เพราะอ้อมคุ้งน้ำเยอะ

พอไปถึง เห็นโยมรอให้หลวงปู่รดน้ำมนต์อยู่สามสี่คน หลวงปู่ท่านเมตตา ท่านก็รดทีละคน ๆ สมัยนั้นเขารดน้ำมนต์ไม่ได้รดแบบเรานะ เขารดเป็นโอ่งเลย ประเภทผลัดผ้าขาวม้าแล้วก็ตักราดตัวให้ทีละคน หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเร่งให้หลวงปู่จงรีบไป

หลวงปู่ท่านบอกว่า "เอ็งกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าเดินไปเอง" "เดินไปมันช้าครับหลวงปู่..ไปเรือดีกว่า" "ข้าเดินเร็ว..ทันน่า"

หลวงพ่อท่านเถียงไม่ได้ รบเร้าหลายทีเห็นหลวงปู่ไม่ไป ก็กลับมาก่อน มาถึงก็กราบเรียนหลวงปู่ปานว่า "หลวงปู่จงท่านรดน้ำมนต์ยังไม่เสร็จครับ ยังไม่มา" หลวงปู่ปานก็หัวเราะ "แกโดนหลวงปู่จงต้มแล้ว ท่านมาถึงก่อนแกตั้งนาน ตอนนี้อยู่บนศาลาโน่น" หลวงพ่อขึ้นศาลาไปดู ปรากฏว่าหลวงปู่จงนั่งอยู่หัวแถวแล้ว เพราะท่านอาวุโสที่สุด แล้วท่านก็หัวเราะ "เรือแกเร็วสู้ข้าเดินไม่ได้ว่ะ.."

หลวงปู่จงกับหลวงปู่ปานเป็นสหายธรรมก็จริง แต่อายุท่านต่างกันเหลือเกิน หลวงปู่ปานท่านมรณภาพตอนอายุ ๖๒ ปี ส่วนหลวงปู่จงมรณภาพตอนอายุ ๙๓ ปี หลวงปู่ปานมรณภาพเมื่อปี ๒๔๘๑ หลวงปู่จงมรณภาพปี ๒๕๐๘

ต่างกันแค่ไหน? แสดงว่าฝ่ายหนึ่งรบมาทั้งชีวิต ถึงเวลาอายุขัยมีอยู่แค่นั้น อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้สร้างกรรมปาณาติบาตเลย อยู่มาจนเกือบจะร้อยปี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-01-2011 เมื่อ 14:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา