พระอาจารย์กล่าวกับแม่ชีเคิ่ลว่า "เกิดมาไม่เคยทำให้หนุ่ม ๆ น้ำตาร่วง แต่มาทำให้แม่น้ำตาร่วงไปแล้ว..(หัวเราะ)..
ถ้าหากว่าตัดใจในลักษณะนั้นได้ ต่อไปก็ไม่มีอะไรที่ตัดไม่ได้ เพราะข้อสอบจะมาเบากว่านั้น เรารับศึกหนักมาแล้ว สงคราม ๙ ทัพรับมาแล้ว อย่างอื่นจึงเป็นเรื่องเล็ก ต่อไปก็เหลือแค่พยายามลดทิฐิมานะ ตัวกู ของกู กูดีกว่า กำลังใจกูสูงกว่า กูเรียนมาเยอะกว่า มีสารพัดที่จะมาเรื่อย ๆ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลผู้อดทนต่อคำพูดของคนที่เลวกว่าได้ นับว่าเป็นสุดยอดของความอดทน อักโกสกพราหมณ์ด่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ดูก่อนพราหมณ์..ญาติสาโลหิตสนิทมิตรสหายที่มาหาท่านมีอยู่บ้างหรือไม่ ?" อักโกสกพราหมณ์บอกว่า "ย่อมมีอยู่แล้ว เพราะเราไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก"
พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อ "ท่านจัดขาทนียะ โภชนียะ น้ำใช้น้ำดื่มให้แก่พวกเขาทั้งหลายหรือเปล่า ?" อักโกสกพราหมณ์บอกว่า "ย่อมจัดให้ เพราะเป็นธรรมเนียมในการต้อนรับ" พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อไปว่า "ถ้าเขาเหล่านั้นไม่รับไว้ สิ่งของเหล่านั้นจะเป็นของใคร ?" อักโกสกพราหมณ์ตอบว่า "ย่อมเป็นของข้าพเจ้าตามเดิม"
"เช่นกันพราหมณ์ ในเมื่อท่านด่าเรา เราไม่รับไว้ คำด่าทั้งหลายก็ย่อมเป็นของท่าน" ต้องบอกว่าคนอินเดียเก่งนะ ได้ฟังแค่นั้นก็ได้สติเลย อักโกสกพราหมณ์กราบพระพุทธเจ้างาม ๆ ๓ ครั้ง "สมณะ..คำพูดของท่านเป็นภาษิตเหลือเกิน เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เหมือนตามประทีปในความมืด"
ทุกวันนี้คนอินเดียก็ยังมีนิสัยแบบนั้น สามารถเถียงกันได้เป็นวันเป็นคืน ผลักกันไปผลักกันมา แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือกันจริง ๆ เพราะเขาชนะกันด้วยโวหารมากกว่า แต่ถ้าไปเจอคนไทยเข้าละก็..ทิ้งตูมหงายท้องตีนชี้ฟ้าไปเลย คนอินเดียเขาไม่ได้รุนแรงอย่างนั้น"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2012 เมื่อ 17:41
|