ชื่อกระทู้: ท่านแม่เรือล่ม
ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 19-03-2009, 13:51
ก้านบัว's Avatar
ก้านบัว ก้านบัว is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Dec 2008
ข้อความ: 47
ได้ให้อนุโมทนา: 21,271
ได้รับอนุโมทนา 49,331 ครั้ง ใน 1,007 โพสต์
ก้านบัว is on a distinguished road
Default ท่านแม่เรือล่ม


สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงอุ้มสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา

ท่านแม่เรือล่ม

อนุสาวรีย์แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก คือ ทัชมาฮาลปราสาทหินอ่อนทั้งหลัง ซึ่งตั้งอยู่ ณ ดินแดนชมพูทวีป ความยิ่งใหญ่โอฬารของมัน ถูกจัดเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของโลก นั่นเป็นสิ่งแสดงออกซึ่งความรักอันยิ่งใหญ่ที่ ชาห์เจฮัน มีต่อ พระมเหสีมุมตัส

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสว่า ปิยโต ชายเต โสโก ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีแต่ความเศร้าโศก ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งปวง ย่อมเป็นทุกข์ ผู้ทุกข์โศกในโลกนี้ มิใช่มีแต่ชาห์เจฮันเพียงผู้เดียวหรอก.....

ณ มุมหนึ่งของพระราชวังบางประอิน ปรากฏอนุสาวรีย์เล็ก ๆ หลังหนึ่ง มีคำจารึกพรรณาถึงนางอันเป็นที่รัก ผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ เป็นถ้อยคำที่กลั่นออกมาจากดวงใจอันแสนเศร้าอย่างแท้จริง แม้ผู้ตายมีญาณวิถีรับรู้ ก็คงจะปลาบปลื้มใจเป็นที่สุด....

ถูกแล้ว... นั่นเป็นอนุสาวรีย์แห่งความรักที่ สมเด็จพระปิยมหาราช ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึง สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ผู้เป็นพระมเหสีที่รักยิ่ง ซึ่งสวรรคตด้วยเหตุเรือพระที่นั่งล่ม พระนางจมลงสู่ใต้กระแสน้ำเชี่ยว ถึงแก่สิ้นพระชนม์...

บางพูด นนทบุรี ในวันนั้น... ท่ามกลางกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากของแม่น้ำเจ้าพระยา ถ้ามีผู้ใดผู้หนึ่งยินยอมช่วยเหลือ องค์พระมเหสีที่รักยิ่งก็ไม่ต้องจากไป สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ก็ไม่ต้องเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งเช่นนั้น...

ทว่า...กฎมณเฑียรบาลในยุคนั้น ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ผู้ใดให้การช่วยเหลือต่อองค์พระมเหสีก็ดี เจ้าจอมหม่อมห้ามก็ดี ขึ้นมาจากน้ำมีโทษสถานเดียวคือประหารชีวิต แล้วผู้ใดล่ะ ..? ที่จะกล้าฝืนกฎมณเฑียรบาล โดยไม่เกรงกลัวพระราชอาญา...

พิเคราะห์เพียงเผิน ๆ จะคิดว่า ไม่น่ามีโทษถึงเพียงนั้น แต่ถ้าคิดดูให้ดี จะพบว่าในยุคสมัยนั้น ... ชายหญิงไม่อาจชิดใกล้กันไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากสามีภรรยา หรือญาติสนิทเท่านั้น การถูกเนื้อต้องตัวยิ่งเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาด...

นั่นเป็นเรื่องของสามัญชน นี่เป็นเรื่องของเจ้าพระยามหากษัตริย์ พระวรกายประดุจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่มองยังไม่กล้า แล้วถ้าเป็นเรื่องในสระสวนอุทยาน ผู้ที่สามารถทำการช่วยเหลือได้ทัน ต้องอยู่ในบริเวณนั้น การล่วงล้ำเขตหวงห้ามเพียงนั้น โทษก็ถึงตายแล้ว ..

เสียงของครูเปี๊ยก (คุณสมพร บุณยเกียรติ) ที่ทำการฝึกญาณ ๘ แก่ลูกศิษย์สั่งทุกคนกำหนดใจย้อนหลังไปยังเหตุการณ์ครั้งนั้น “เอ้า...ทุกคนดูซิคะ ทำไมพระองค์ท่านถึงสิ้นพระชนม์ ?” ภาพที่ปรากฏคือ... ท่ามกลางกระแสน้ำอันปั่นป่วนนั้น พระองค์ท่านโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ...

ทรงเหลียวมองรอบด้าน แล้วร้องออกมาคำเดียวว่า “ลูก!” พลางแหวกว่ายเข้าหาเรือพระที่นั่งที่จมผลุบ ๆ โผล่ ๆ อยู่อย่างสุดกำลัง จังหวะเดียวกับที่คลื่นอีกลูกโถมซัดมา เรือพระที่นั่งพลิกกลับ ครอบพระองค์หายวับไปกับตา...

อาตมาน้ำตาร่วงพรู..แม่..นี่แหละแม่.. ความเป็นแม่ที่รักลูกยิ่งอื่นใด แม้แต่ชีวิตก็สละเพื่อลูกได้ “แม่” คำเดียวสั้น ๆ ที่แฝงไว้ด้วยพลานุภาพใหญ่หลวง ยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเลือดในอก แม้ต้องสละด้วยชีวิตและเลือดเนื้อแห่งตน...

แล้วพ่อละ..? มีใครคิดถึงหัวอกพ่อบ้าง ...? พ่อที่เสียทั้งแม่ทั้งลูกจะทุกข์ใจสุดพรรณนาขนาดไหน...? อาตมาต้องลุกหนีการฝึกแต่กลางคันออกไปร้องไห้อยู่ข้างนอก ร้องจนสาแก่ใจ วันนั้นทั้งวันมีแต่น้ำตา ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์หนอ...


รักใด ไหนเล่า เท่าแม่
เที่ยงแท้ ยืนยง คงมั่น
รักลูก ยิ่งกว่า ชีวัน
ลูกนั้น รักแม่ เท่าใด..?


๓ มีนาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ก้านบัว : 20-08-2009 เมื่อ 14:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ก้านบัว ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา