ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 14-10-2016, 08:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,420 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๓๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ สิ่งที่อยากจะกล่าวถึงในวันนี้ก็คือการปฏิบัติของพวกเรา ที่ส่วนหนึ่งอยู่ในลักษณะของคนใจร้อน ใจเร็ว อยากจะเร่งรัดให้สำเร็จอย่างนั้น ให้ได้อย่างนี้ ซึ่งลักษณะอย่างนั้นเป็นการวางกำลังใจที่ผิด เพราะว่าตัวอยากนั้นเป็นอุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ทำให้กำลังใจของเราเข้าไม่ถึงความดี โดยเฉพาะคือทำให้ทรงฌานไม่ได้

เพราะว่าการที่เราจะทรงฌานได้ตั้งแต่ฌานที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ นั้น ต้องมีอุเบกขาประกอบอยู่ในอารมณ์ฌานทุกขั้นตอน ก็คือ องค์ฌานที่ประกอบไปด้วยวิตก วิจาร ปิติ สุข และเอกัคตารมณ์นั้น ตัวเอกัคตารมณ์ คืออารมณ์ใจที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียวนั่นแหละที่มีอุเบกขาอยู่ด้วย

การปฏิบัติภาวนาก็ดี การพิจารณาของเราก็ดี ต้องค่อย ๆ ตั้งใจทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่ย่อท้อ เมื่อเราเกิดฉันทะ คือความยินดีและพอใจขึ้นมาแล้ว ก็เท่ากับว่าเราเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งต้นกรรมฐานลงไป ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตารดน้ำพรวนดิน เพื่อให้ต้นกรรมฐานของเราค่อย ๆ งอกงามขึ้นมา แต่พวกเราส่วนใหญ่แล้วไปใจร้อน บางทีเพิ่งขึ้นมายังมีแค่ใบเลี้ยง แต่ไปดึงยอดเพื่อให้โตเร็ว ๆ ก็มีแต่จะโดนถอนหลุดขึ้นมาทั้งรากทั้งโคน

ต้นไม้กรรมฐานของเรานั้น เมื่อถึงวาระที่เหมาะสม ย่อมออกดอกออกผลให้พวกเราได้ชื่นชมกันเอง ถ้าไม่ถึงวาระ ต่อให้เราพยายามให้ตายอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะมีดอกมีผลให้เราชื่นชมได้ ก็แปลว่าเราต้องทุ่มเทกับการปฏิบัติ ค่อย ๆ สะสม ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราไปเรื่อย ๆ พอถึงระดับที่เพียงพอแล้ว ผลตอบแทนก็ย่อมเกิดขึ้น คือเราสามารถทรงฌานสมาบัติได้ สามารถนำเอากำลังฌานนั้นไปกดกิเลสได้ เมื่อกดกิเลสได้แล้ว ฌานยังเป็นเครื่องช่วยให้สภาพจิตมีกำลังในการตัดกิเลสนั้นด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2016 เมื่อ 13:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา