พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของหลวงพ่อเจ้าคุณธัมมชโยนั้น การที่ไปจับท่านเรื่องเงินเรื่องทอง เป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น ส่วนที่เสียหายที่สุดก็คือ ที่ท่านสอนผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมวินัย ถ้าตรงจุดนั้นเท่ากับทำลายพระพุทธศาสนาเลย เรื่องอื่น ๆ เป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้น แต่ว่ากลับเป็นส่วนที่ผิดข้อกฎหมายอย่างชัดเจน ในเมื่อผิดข้อกฎหมายอย่างชัดเจน เขาก็เลยไปเล่นงานท่านกันตรงนั้น
ถ้าสามารถเล่นในเรื่องการสอนผิดจากพระธรรมวินัย ตามกฎหมายใหม่ที่เขาร่างกันอยู่ตรงนั้นได้ อีกไม่นานท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ วัดนาป่าพงก็จะโดนไปด้วย งานนี้ถ้าท่านเจ้าคุณธัมมชโยโดนจับ อาจจะมีคนถวายสังฆทานหนัก ๆ ให้กับวัดอ้อน้อย เพราะเค้าเรื่องมาจากตรงนั้น
เมื่อเวลามียศมีอำนาจวาสนา ควรที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น แต่บางคนพอมียศมีอำนาจวาสนา กลับใช้ยศใช้อำนาจวาสนาในการข่มเหงรังแกผู้อื่น อาตมาเคยเห็นข้าราชการผู้ใหญ่บางท่านที่มีลักษณะนิสัย พอถึงเวลาเป็นใหญ่เป็นโตก็ข่มเหงรังแก รีดไถผู้อื่น ถึงเวลาเกษียณอายุแล้วก็อยู่กับหมาเท่านั้น ไม่มีคนไปแลเลย แต่บางท่านเวลาที่มียศมีอำนาจวาสนา ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ถึงเวลาจะแม้จะเกษียณอายุไปเนิ่นนาน อายุ ๗๐-๘๐ ปีแล้ว จัดงานวันเกิดแต่ละที ข้าราชการมากันเต็มบ้าน
เรื่องเหล่านี้อยู่ที่การประพฤติตัวทั้งนั้น ต้องใช้คำว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว มีบางท่านที่เคยเจอ ท่านเป็นคนดีมาก ขนาดดันลูกน้องให้เป็นใหญ่เหนือตัวเองก็ทำ ประเภทนั้นหายากมาก นอกจากไม่อิจฉาแล้วยังสนับสนุนอีกด้วย ยังโชคดีในชีวิตของอาตมาได้เจออยู่หลายคน เจ้านายแบบนั้นหายากมาก"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-12-2016 เมื่อ 19:52
|