เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้อานาปานสติ คือการตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติ เพราะว่าการตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก จะทำให้มีสมาธิคงตัว เข้าถึงอัปปนาสมาธิ คือสมาธิแนบแน่น มีกำลังเพียงพอที่จะสู้กับกิเลสได้
แต่ก็ยังไม่ใช่หนทางที่ปลอดภัย เพราะว่าโลกียสมาธิสามารถพังได้ทุกเวลา จึงต้องพยายามทำให้จริงจังและต่อเนื่องถึงจะเกิดผล ถ้าหากว่าเราทำ ๆ ทิ้ง ๆ กิเลสมีกำลังมากกว่า เราจะไม่สามารถเอาชนะได้เลย แล้วการปฏิบัติเป็นระยะเวลาหลาย ๆ ปี หรือหลายสิบปีของเรา จะเป็นการกระทำที่สูญเปล่า เพราะว่าทำไปเท่าไร กิเลสก็ยังเจริญงอกงามเหมือนเดิม
ฉะนั้นจึงขอให้ญาติโยมฉุกใจคิดว่า ในเมื่อความสะดวกความคล่องตัวทุกอย่างมีมากขึ้น ทำอะไรใช้เวลาน้อยลง เราก็ควรจะมีเวลาในการปฏิบัติเพื่อละกิเลสมากขึ้น ไม่ใช่ว่ามีน้อยลงหรือว่าไม่มีเลย
ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-03-2018 เมื่อ 10:55
|