ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 07-07-2010, 08:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่พระพุทธเจ้าท่านห้ามนั้น ท่านห้ามพระ ที่ห้ามพระจับเงินเพราะกลัวว่าจิตจะเกิดความโลภขึ้น ห้ามพระหุงข้าวทำกับข้าวเอง เพราะกลัวว่าทำแต่ของอร่อยตามใจปากท้องตัวเอง

ส่วนท่านนั้นไปสอนเขาผิด ๆ แล้วไปตำหนิเขาด้วย ทำเขากำลังใจเสียหมดเลย ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าแม่ชีไปได้เบอร์ผมมาจากไหน ยังดีที่โทรมาถาม ไม่อย่างนั้นดีไม่ดีก็สึกหาลาเพศไปเลย

กติกาเรามีเท่าไรให้ทำเท่านั้น เมื่อศึกษาละเอียดแล้วถึงเวลาก็สามารถบอกต่อเขาได้ ปัจจุบันนี้แม้กระทั่งพระผู้ใหญ่ ก็ปล่อย ๆ วาง ๆ ในเรื่องของศีลเป็นจำนวนมาก

เวลาคุณไปงานตามกรุงเทพฯ คุณจะเจอน้ำข้าวโพด น้ำฟักทอง น้ำถั่วเขียว นั่นไม่ใช่น้ำ พวกเล่นปั่นเนื้อมาข้นคลั่กเลย พวกถั่วพวกงาพวกนี่ท่านจัดเป็นอาหาร จะฉันหลังเพลไปแล้วไม่ได้

แล้วหลายต่อหลายที่ก็มีเมล็ดแตงโม เมล็ดทานตะวัน ไปนั่งขบนั่งแทะกันอยู่ ผมเห็นแล้วทุเรศลูกตา แต่ผมก็ว่าอะไรไม่ได้ เพราะว่าเขาทำผิดกันจนกลายเป็นถูกไปแล้ว ดังนั้น พวกเราต้องศึกษาให้ดีว่าอะไรถูก แล้วเราต้องทำให้ถูกเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะพาคนอื่นผิดไปเรื่อย ๆ เกิดความเสียหายแก่พระศาสนามาก

ในเรื่องของการภาวนานั้น ในส่วนของลมหายใจเข้าออกเราจะทิ้งไม่ได้ ทิ้งเมื่อไรก็แย่เมื่อนั้น เพราะจิตหลุดออกจากลมเมื่อไรก็จะฟุ้งซ่าน ถ้าเวลาทำการทำงาน อย่างเมื่อวานผมบอกกับท่านยุทธว่า “เวลาทำงานเอาสติกำหนดไปด้วย เวลากวาดพื้นให้กำหนดไปด้วย จะไปข้างหลัง จะไปข้างหน้า ไปแรง ไปเบา ไปยาว ไปสั้น ให้ตามรู้ไปด้วย”

ถ้าเราเอาสติเข้าไปกำหนดอยู่ในงานไหนก็ตาม งานนั้นก็คือกรรมฐาน คุณจะถูศาลา จะเก็บจะกวาด จะทำกับข้าว หุงข้าวหุงปลา ซักผ้าซักผ่อนอะไรก็ตาม ถ้ากำหนดสติตามไปด้วย ก็เป็นกรรมฐานทั้งนั้น


เพราะฉะนั้น..เรื่องของการภาวนานี่ทิ้งไม่ได้ ทิ้งเมื่อไรเราจะไม่มีแรงสู้กิเลส ถ้าใครภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ให้หัดเข้าออกฌานให้คล่องตัว ถึงเวลาจะเข้าระดับไหนต้องได้ หนึ่ง..สอง..สาม..สี่ ; สี่..สาม..สอง..หนึ่ง สลับไปสลับมาก็ต้องทำให้ได้

ไม่อย่างนั้นความเคยชินของอารมณ์ เมื่อวิ่งไปสู่อารมณ์สูงสุดแล้ว เราจะทำอะไรไม่ได้ พอเราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ ก็ได้แต่นิ่งอยู่อย่างนั้น การภาวนาพิจารณาก็ไปต่อไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-07-2010 เมื่อ 10:22
สมาชิก 78 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา